วันที่ 9 ม.ค.2567 เวลา 11.30 น. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย พาดพิงถึงคนสูงวัยแต่ยังสมัครเป็นสส. ว่า ตนสมัครผู้แทนราษฎรเมื่ออายุครบ เป็นผู้แทนอายุน้อย สมัยนั้นมีตนและนายอุทัย พิมพ์ใจชน ตนสมัครและได้เป็นผู้แทนพร้อมกับบิดาของนายทักษิณ และเป็นต่อเนื่องมาทุกสมัยจนถึงปัจจุบัน ตนไม่ได้เข้ามาเพื่อธุรกิจ สมัยที่ตัดสินใจเลือกมาเป็นผู้แทน ตนมีทางเลือกว่าจะเป็นผู้พิพากษาหรืออัยการหรือไม่ ซึ่งในเพื่อนรุ่นเดียวกันเกือบทั้งหมดเป็นผู้พิพากษา อัยการ ประธานศาล องคมนตรี มีตนเพียงคนเดียวที่ตั้งใจเป็นนักการเมือง เพื่อจะได้ทำงานเป็นปากเสียงให้ประชาชน ดังนั้นการเข้ามาการเมืองจึงไม่ได้หวังผล เพื่อดูแลธุรกิจ เพราะไม่ได้มีธุรกิจที่จะต้องปกป้อง หรือเอาประโยชน์ให้ครอบครัว

“เมื่อผมเป็นผู้แทนมาต่อเนื่อง ความคิดว่าอายุมากแล้วให้เลิก ไม่ได้คิด คิดแค่ว่ายังทำงานได้อยู่ ถ้าผมทำธุรกิจแล้วได้กำไร แล้วเลิกนั้นก็เรื่องหนึ่ง แต่นี่อายุมากแล้วยังทำงานได้อยู่ และในสภาฯนี้คนที่อายุมากที่สุดไม่ใช่ผม คนที่อายุมากที่สุด คือพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และรองมาคือ นายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพทั้งคู่ ท่านอาจไม่ได้ทำงานเท่าผม แต่เป็นผู้ใหญ่ที่อายุมากแล้วยังสมัครอยู่ ผมก็อยากจะบอกว่ามีคนอีกสองคนซึ่งอยู่ในพรรคของท่านอายุมากกว่าผม แต่คนเหล่านั้นก็ทำประโยชน์ให้บ้านเมือง” นายชวน กล่าว

นายชวน กล่าวอีกว่า ตนอยู่เป็นผู้แทนก็มีประโยชน์ตรงที่บางเรื่องคนรุ่นใหม่ไม่ทราบ นายทักษิณก็บอกว่าเขาคือนักการเมืองรุ่นใหม่ แต่ตนเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่ไม่โกง ไม่ซื้อเสียง ยึดมั่นหลักระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และระบบรัฐสภา ซื่อสัตย์สุจริต ยึดถือหลักกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างที่ให้สัมภาษณ์ไป ไม่เคยอาฆาตแค้นนายทักษิณ เคยพูดครั้งหนึ่งว่าถ้านายทักษิณทำประเทศเหมือนธุรกิจตัวเอง ทำอะไรไม่ถูกต้อง ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่ เคยพูดเมื่อ 17-18 ปีที่แล้ว ก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น แน่นอนที่สุดใครก็ตามทำอะไรไม่ถูกต้องกับบ้านเมืองจะมีปัญหา

“ขอยืนยันว่าผมยังอยู่ ยังทำหน้าที่ปกติ ยังพอมีความจำอยู่ ยังไม่ถึงขั้นความจำเลอะเลือนหรือจำอดีตไม่ได้ อาจไม่ปราดเปรื่องเหมือนคนรุ่นใหม่ แต่สิ่งที่รู้ในอดีตยังจำได้ เช่น เรื่องภาคใต้ บางเรื่องกองทัพไม่มีข้อมูล ถ้าอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายใช้วิธีจัดการให้ได้เดือนละ 10 คน ก็ให้ไปถาม พล.ท.เรวัตร รัตนผ่องใส อดีตรองแม่ทัพภาคที่4 เป็นคนเดียวที่บอกว่าเป็นเรื่องแบ่งแยกดินแดน ทำได้ยาก วันนี้พล.ท.เรวัตร ไม่มีโอกาสได้เป็นแม่ทัพภาค ทหารควรยกย่องคนเช่นนี้เป็นวีรบุรุษ เพราะกล้าคัดค้านสิ่งที่ไม่ถูกต้อง” นายชวน กล่าว