เมื่อกลุ่มผู้เชียวชาญทางด้านเศรษฐดิจระดับมหภาคต่างวิเคราะห์กันว่า โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะเป็น “จุดเปลี่ยน” ประเทศไทย เพราะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่จะเข้ามาทั้งจากการลงทุนและการใช้จ่าย  โดยมีการประเมินกันว่า มูลค่าลงทุนในช่วงการก่อสร้างจะทำให้การลงทุนของประเทศขยายตัวได้เพิ่มขึ้นกว่า 0.2% ต่อปี และจะทำให้การใช้จ่ายในประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 0.7% ต่อปี โดยรายได้ที่จะเกิดขึ้นส่วนใหญ่จะมาจากธุรกิจโรงแรม กีฬา สถานบันเทิงต่าง ๆ ซึ่งกาสิโนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของโครงการเท่านั้น

ร่างพ.ร.บ.เตรียมเสนอเข้าครม.

 ล่าสุด กระทรวงการคลังได้ดำเนินการร่างกฎหมาย “ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ…” เสร็จแล้ว โดยรอเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ซึ่งกฎหมายที่ได้ร่างขึ้นมานี้จะเทียบเท่ากฎหมายของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และครอบกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ เพื่อผ่อนปรนให้โครงการนี้เกิดขึ้น

ในเบื้องต้นกำหนดให้การดำเนินงานต่าง ๆ อยู่ภายใต้การบริหารของบอร์ดใหญ่ ที่มีชื่อว่า “คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร” ทั้งหมด 17 คน โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมีรองนายกรัฐมนตรีที่นายกฯมอบหมายเป็นรองประธาน ส่วนคณะกรรมการจะประกอบด้วยข้าราชการการเมือง ข้าราชการประจำ และผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐศาสตร์ การบริหารธุรกิจ กฎหมาย หรือสังคม อีก 15 คน รวมเป็น 17 คน เพื่อมากำกับภาพใหญ่ทำหน้าที่วางหลักเกณฑ์แนวบริหารธุรกิจที่รวมถึงกาสิโนด้วย

สำหรับข้อกำหนดประเภทธุรกิจภายในสถานบันเทิงครบวงจรนั้น ตามบัญชีแนบท้ายจะประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้านอาหาร ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับหรือบาร์ สนามกีฬา ยอชต์และครุยซิ่งคลับ สถานที่เล่นเกม สระว่ายน้ำและสวนน้ำ สวนสนุก พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทย สินค้า OTOP และกิจการอื่น ๆ ซึ่งทางคณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด จะเร่งเดินหน้าโครงการต่อทันทีในช่วงต้นเดือนมกราคม 2568 โดยจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุดเพื่อพิจารณารายละเอียด รวมถึงการกำหนดทำเลที่ตั้งของโครงการ

 เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

ด้าน นายวุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทสยามพาร์คซิตี้ ผู้ประกอบกิจการสยามอะเมซิ่งพาร์ค (สวนสยามเดิม) และนายกสมาคมสวนสนุกและสวนพักผ่อนหย่อนใจแห่งประเทศไทย กล่าวถึงวาระของเอ็นเตอร์เมนต์คอมเพล็กซ์ในประเทศไทยนั้น จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้สะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน

ซึ่งการจัดตั้งโครงการเอ็นเตอร์เมนต์คอมเพล็กซ์ในไทยนั้น มีความจำเป็นในระดับหนึ่ง เพราะว่า การที่ประเทศจะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เจะต้องมีโปรดัคส์ไลน์ที่ครบทุกฟังก์ชั่น เพราะว่าถ้าสังเกตุในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้เกือบทุกประเทศในอาเซียน นี้ไม่ว่าจะเป็นพุทธ คริส อิสลาม หรือเป็นคอมมิวนิสน์  ประชาธิปไตย จะมีคาสิโน ไม่ว่ารูปแบบใด รูปแบบหนึ่ง ดังนั้นการที่ประเทศไทยจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำนั้น จึงจะต้องมีสินค้าดังกล่าวให้ครบ เพราะฉะนั้นการที่ประเทศไทยไม่ได้เป็นจะทำให้เสียโอกาสที่จะนำหน้าเพื่อนบ้าน ในภูมิภาคนี้ออกไป

ส่วนรูปแบบในการจัดตั้งเอ็นเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์  คงต้องอยู่ที่แนวทางการคิดของรัฐบาลในการวางรูปแบบให้ เหมาะสม ซึ่งจะต้องปรึกษาหารือกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องก่อน ว่า อะไรที่เป็นจุดที่ถูกต้องเหมาะสม อะไร คือ จุดที่ ควรจะทำ และที่สำคัญ ภาครัฐควรจะต้องมีความยืดหยุ่นในการทำงานในระดับหนึ่ง สิ่งที่คิดว่า ตอนนี้มันทำแล้ว ทำดี หรือไม่ดี ในอนาคตก็สามารถปรับได้

ทั้งนี้ นายวุฒิชัย กล่าวต่อว่า ภาครัฐจะต้องมีแนวนโยบายออกมาว่าจะให้เป็นลักษณะไหน ซึ่งตามธรรมชาติของประเทศไทยจะมีกลุ่มอนุรักษ์นิยมสูง ดังนั้นการที่จะปล่อยให้เป็นฟรีเลยก็คงยาก ซึ่งทางสหรัฐอเมริกาเองยังต้องกำหนดโซนนิ่ง เพราะฉะนั้นในเมืองลาสเวกัส ตัวคาสิโนก็จะอยู่ในบริเวณที่ภาครัฐกำหนด ไม่ได้ไปได้ทุกที่ ทุกถนนหนทาง ขณะที่ในประเทศไทยอาจจะเป็นสแตนอโลน อาคารเดียวอยู่ในแต่ละเมือง หรือจะอยู่บนถนนเส้นเดียวหรือเมืองๆ หนึ่งนั้นคงขึ้นอยู่กับภาครัฐที่จะต้องพิจารณาวางแนวทาง เพื่อให้เหมาะสมกับประเทศ