วันที่ 8 ม.ค.68 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  และ ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กระบุว่า   e-receipt ไม่ช่วยคนจน

- การแจกเงินดิจิทัล Wallet จำนวน 1.4 แสนล้านบาท เฟส 1 ถูกวิจารณ์ว่า  เนื่องจากแจกเป็นเงินสด จึงไม่สามารถควบคุมทิศทางการใช้จ่ายได้เหมือนกับเงินดิจิทัล 

ส่วนที่เติมน้ำมัน ทำให้พายุหมุนไปเกิดที่ตะวันออกกลาง โดยควักกระเป๋าจากภาษีคนไทย เพราะใช้หนี้สาธารณะของประเทศไทย

ส่วนที่ซื้อสินค้านำเข้า ทำให้พายุหมุนไปเกิดที่ประเทศผลิตสินค้าเหล่านี้ โดยควักกระเป๋าจากภาษีคนไทย เพราะใช้หนี้สาธารณะของประเทศไทย

- ล่าสุด รัฐบาลประกาศโครงการหักภาษีจากการใช้จ่าย e-receipt จึงมีข้อห้ามการใช้จ่าย ดังนี้

1. สุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ

2. รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ

3. ค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าประปา

4. ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ

5. ค่าโทรศัพท์และค่าอินเทอร์เน็ต

6. ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย

7. ค่าบริการจัดนำเที่ยว ค่าที่พักโรงแรม และโฮมสเตย์

8. ค่ารักษาพยาบาล ค่าศัลยกรรม ทองคำ บัตรกำนัล (Gift Voucher)

9. ค่าสินค้าและบริการที่มีข้อตกลงนอกเหนือจากวันที่ 16 ม.ค. – 28 กุมภาพันธ์ 68

มาตรการทำนองนี้ มีความไม่เป็นธรรมอยู่บางประการ

1) ถึงแม้จะปิดช่องโหว่ ไม่ให้พายุหมุนไปเกิดขึ้นที่ตะวันออกกลางแล้ว แต่ก็ยังมีช่องโหว่ ในการซื้อสินค้านำเข้า

2) กลุ่มคนรวยเป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุด เพราะได้รับการหักภาษีในอัตราสูงสุด จึงทำให้กลุ่มคนรวยเป็นผู้ได้ประโยชน์มากกว่ากลุ่มคนจน

โดยมาตรการนี้ไม่ได้ให้ประโยชน์แก่กลุ่มคนจน ที่มีรายได้ไม่ถึงระดับต้องเสียภาษี

นอกจากนี้กลุ่มคนรวยก็ มีแนวโน้มจะซื้อสินค้านำเข้าราคาแพง มากกว่ากลุ่มคนจน

นี่เอง จึงมีคนจำนวนมากเรียกร้องให้เอาโครงการคนละครึ่งกลับมาใช้ เพราะสามารถเน้น ให้ใช้จ่ายกับการกินการบริการภายในประเทศได้ดีกว่า

และสามารถทำให้ผลประโยชน์เกิดขึ้นแก่คนจนได้ดีกว่า

 

 

ขอบคุณ เพจเฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala - - ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล