วันที่ 8 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่ บก.สส.ภ.2 พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 พร้อมกำลัง นปพ.ภ.2 เจ้าหน้าที่ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว เจ้าหน้าที่ สภ.คลองลึก สภ.อรัญประเทศ และเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังบูรพา ได้ร่วมกันนำหมายค้นศาลจังหวัดสระแก้ว เข้าตรวจค้นเครือข่ายเจ๊ดาว จำนวน 5 จุด ซึ่งจุดสำคัญคือ จุดที่ 1 ไม่พบ เจ๊ดาว แต่พบนายหล้า อายุ 38 ปี และ นายปอนด์ อายุ 32 ปี อยู่ในบ้านหลังดังกล่าว โดยทั้งสองคนได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น ไปชี้จุดพาข้าม โดยให้การว่า ก่อนหน้านี้เป็นจุดที่นำคนไทยไปและกลับ ระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชา โดยคิดค่าหัวคนละ 4,000 บาท และจะได้ค่าดำเนินการหัวละ 500 บาท โดยจะไปรับคนที่หน้าห้างสตาร์พลาซ่า อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว หรือจุดนัดพบอื่นๆ แล้วขับรถยนต์พาเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว และจะมีคนกัมพูชามารับต่อ พาเข้าประเทศกัมพูชา โดยทำมาประมาณ 4 ปี โดยทั้งสองให้การว่าบางช่วงรับคนไทยไปและกลับ ประมาณ 100 คนต่อวัน และรับเฉพาะคนไทยเท่านั้น นอกจากนั้นจากการสืบสวนพบว่า มีอีกหลายช่องทางที่ทำในลักษณะเดียวกัน
ซึ่งการตรวจค้นครั้งนี้ ได้ทำการจับกุม นายจิรพัฒน์ อายุ 30 ปี อยู่ ม.2 ต.ผักขะ อ.วัฒนานคร จว.สระแก้ว พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 2 นัด โดยกล่าวหาว่า มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และจับกุม น.ส.อำพรหรือติ๋ม อายุ 36 ปี พร้อมของกลาง น้ำต้มกระท่อม ขนาด 1,000 มิลลิลิตร จำนวน 20 ขวด และถังแช่น้ำแข็งสีแดง ขนาด 100 ลิตร จำนวน 1 ถัง โดยกล่าวหาว่า "จำหน่ายอาหารที่มีพืชกระท่อมเป็นส่วนผสมยาแก้ไอ น้ำเชื่อม ไม่ได้รับอนุญาต(พ.ร.บ.อาหาร 2522 มาตรา 6(8) มาตรา 50,ปก.สธ. ฉบับที่ 424/2564 ลง 25 ก.พ.2564 และ ปก.สธ. ฉบับที่ 430/2564 ลง 30 ธ.ค. 2564)" นำผู้ต้องหาทั้งสองคนพร้อมของกลาง นำส่ง พงส.สภ.คลองลึก ดำเนินคดีตามกฏหมาย สำหรับคนอื่นๆของเครือข่ายเจ๊ดาวที่ไม่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจะได้ดำเนินการตามนโยบายระเบิดสะพานโจร ต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ธีระชัย กล่าวว่าตามนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตร./ผอ.ศปอส.ตร. พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 จึงสั่งการให้ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทุกมิติ โดยใช้นโยบายระเบิดสะพานโจร
ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่า มีขบวนการนำพาคนเปิดบัญชีม้าและข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ โดยเป็นกลุ่มบุคคลในท้องถิ่นในพื้นที่ พาคนรับจ้างเปิดบัญชีม้าเดินทางโดยข้ามคลองพรมโหดซึ่งมีความกว้างประมาณ 4-5 เมตร โดยใช้เรือไฟเบอร์หรือโฟม เพื่อเข้าไปฝั่งประเทศกัมพูชา เพื่อเข้าไปสำนักงานของ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และทำหน้าที่สแกนใบหน้า ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนจำนวนมาก