นสพ.ยักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์ “เดอะสเตรทไทม์”ได้ลงสกู๊ปข่าวเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา เป็นเรื่องของตัวแทนประกันชีวิตหญิงที่ขายประกันชีวิตมา 45 ปี และด้วยวัย 74 ปี เธอยังขายประกันชีวิตอยู่ ในบทเกริ่นนำ เขาเขียนว่า “ในขณะที่ผู้นำประเทศเป็นสถาปนิกวางโครงร่างให้ประเทศสิงคโปร์ ทุกๆวันเรามีฮีโร่ช่วยกันสร้างสังคมที่นี่ และนี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งของบุคคลเหล่านี้” เธอไม่ได้เป็นตัวแทนประกันชีวิตที่โดดเด่นอะไร ไม่เคยได้รับรางวัลนักขายยอดเยี่ยมเลยสักครั้ง แต่เธอยังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่ของเธอ เธอบอกว่า ตัวแทนประกันชีวิตไม่เคยได้เกษียณอายุจริงจังหรอก ตราบใดที่ลูกค้ายังมีชีวิต เราก็มีหน้าที่ต้องบริการต่อไป ทุกวันนี้เธอขายประกันชีวิตได้เดือนละ 5-6 รายและไม่มีแผนที่จะหยุดทำงาน ท่านทั้งหลายครับ สิ่งที่ผมทึ่ง ไม่ใช่วัยหรือผลงานของเธอ แต่มันคือการที่สื่อมวลชนสิงคโปร์ยอมรับว่า ตัวแทนประกันชีวิตเป็นหนึ่งในฮีโร่สร้างชาติ ผมถามตัวเองว่า คนไทยจะคิดอย่างนี้บ้างไหม ถ้าเราเชื่อว่า ระบบการเงินเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต และเป็นเรื่องสำคัญของชาติ ผมยังมองไม่เห็นว่า จะมีอาชีพไหนที่สามารถไปพูดคุยกับพี่น้องร่วมชาติของเราในเรื่องเงินๆทองๆแบบเปิดอกคุยกัน ได้มากเท่ากับตัวแทนประกันชีวิต ตอนเด็กๆเรามีพ่อแม่ มีครูบาอาจารย์คอยพร่ำสอนเรื่องการใช้เงิน การเก็บเงิน แต่เมื่อเราจบไป แยกย้ายไปทำงานในที่ต่างๆ เราแทบจะไม่มีใครมาคุย มาสอนให้คำชี้แนะเรื่องการใช้เงินเลย หลายคนหาเงินเก่งได้เงินหลายแสนหรือหลักล้านบาทในแต่ละเดือน แต่กลับละลายหายไปกับการใช้เงินที่ฟุ้งเฟ้อหรือหมดไปกับแชร์ลูกโซ่ เว้นแต่เขาจะรู้จักศึกษาเรื่องการออมการลงทุนกับสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ ซึ่งเขาต้องสละเวลาหรือเดินทางไปแสวงหาความรู้เอง แต่ดูเหมือนชีวิตในวัยทำงานของแต่ละคนก็วุ่นวายจนแทบจะไม่มีเวลาไปคิดถึงเรื่องเหล่านี้เลย โชคดีที่เรายังมีตัวแทนประกันชีวิตที่เดินทางไปทุกตรอกซอกซอย ขึ้นตึกสูงหรือเดินไปตามท้องทุ่งเพื่อแนะนำประชาชนให้เก็บออมหรือสร้างหลักประกันในชีวิต เพื่อให้เราเห็นภาพ ผมขอยืนยันด้วยคำกล่าวของอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี ที่เคยพูดไว้ว่า “ผมคิดไม่ออกเลยว่า จะมีใครที่ให้อิสระในการเลือกวิถีชีวิตของเราได้มากกว่านักขายประกันชีวิต พวกเขานี่แหละที่รู้จักสภาพเศรษฐกิจของประเทศเรามากกว่าใคร เพราะเขาได้สัมผัสกับคนทุกระดับในสังคม เขาได้พูดคุยกับคนหนุ่มสาว ผู้หลักผู้ใหญ่ และคนสูงอายุ เขารู้ความต้องการของคนเหล่านี้ ทั้งยังช่วยให้ทุกคนสามารถช่วยตัวเองได้ในยามจำเป็น พวกเขาได้สร้างหรือช่วยรังสรรค์หลักประกันแห่งอนาคต พวกเขามีความใส่ใจ และ เขาเป็นมิตรแท้ในยามยาก” จอห์น เอฟ เคนเนดี้ เป็นผู้นำที่มีคนรักมากที่สุดคนหนึ่งในโลก อีกทั้งยังเป็นผู้นำที่ถือว่ามีวิสัยทัศน์มากที่สุดคนหนึ่งในยุค 1960 ท่านยังมีความเชื่อมั่นในหน้าที่และภารกิจของตัวแทนประกันชีวิต ที่จะมีส่วนร่วมสร้างชาติ สร้างหลักประกันให้กับประชาชนเลย แล้วตัวท่านเองในฐานะตัวแทนประกันชีวิตล่ะ ท่านตระหนักในภารกิจของตนเองมากขนาดไหน ทุกวันนี้ คนไทยอาจจะยังไม่เห็นความสำคัญของตัวแทนประกันชีวิตเท่ากับหมอ ครูหรือวิศวกร พวกเราต้องทำงานหนักต่อไป เพื่อพิสูจน์ให้เพื่อนร่วมชาติเห็นว่า เราคือที่ปรึกษาการเงินภาคสนามตัวจริง ในโอกาสครบรอบ 50 ปีของการก่อตั้งสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน (ก่อตั้งเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ.2511) ผมไม่อาจปล่อยให้ปีนี้ผ่านไป โดยไม่ย้ำเตือนภารกิจที่พวกเรามีต่อประเทศชาติและพี่น้องร่วมชาติของเราได้ ประชาชนทุกคนสมควรได้รับคำแนะนำที่ดี ในเรื่องการสร้างหลักประกันให้กับครอบครัว การออมเงิน การรู้จักนำเงินไปลงทุนให้งอกเงย การวางแผนภาษีที่ถูกต้อง การมีชีวิตในวัยเกษียณอย่างมีความสุข และการส่งต่อทรัพย์สินให้ทายาทอย่างราบรื่น ท่านทั้งหลายครับ เหล่านี้คือภารกิจของเรา ขอให้เชื่อว่า ถ้าฐานะการเงินของประชาชนแข็งแรง ฐานะการเงินของประเทศก็จะแข็งแรงและมั่นคงด้วย สวัสดีปีใหม่ 2562 ครับ Credit:บรรยง วิทยวีรศักดิ์ อดีตนายกสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน