วันที่ 7 ม.ค.68 ที่ลานเอนกประสงค์ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล รอง ผบก.รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ. พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผกก.สภ.เมือง พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผกก.ตม. ร้อยตรี ประพันธ์ ถึกสกุล นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม แก๊งต่างด้าว 6 คน มีนายเททจอ อายุ 21 ปี นายแต๊ะปายพิว อายุ 21 ปี นายมิวมินซอ อายุ 22 ปี นายติหาทูน นายไซตันลู อายุ 19 ปี และนายชุนวินทูน ซึ่งทั้งหมดสัญชาติเมียนมา พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 ไอ สีขาว-แดง ทะเบียนสมุทรสาคร จำนวน 1 คัน, เสื้อคลุมแขนยาว สีขาว-ดำ จำนวน 1 ตัว, อาวุธมีดด้ามจับพันด้วยเทปกาวสีดำ ความยาว 48 ซม. จำนวน 1 เล่ม และ อาวุธมีดสีดำ ความยาว 53 ซม. จำนวน 1 เล่ม โดยแจ้งข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ และร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร”
โดยก่อนจับกุมทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้รับแจ้งมีเหตุร่วมกันทำร้ายร่างกาย บริเวณริมถนนปากซอยโรงเรียนวัดคลองครุ หมู่ที่ 8 ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร เมื่อเวลาประมาณ 00.05 น. ของวันที่ 22 ธันวาคม 2567 จากการสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียง จึงทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายวรชาติ อายุ 28 ปี จนได้รับบาดเจ็บ ได้หลบหนีไปพักอยู่ที่ห้องพัก ตึก 4000 ห้อง ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.ท.โสภาส ถนนทิพย์ สวป.จึงได้นำกำลังบุกเข้าทำการจับกุมแรงงานเมียนมา ที่ก่อเหตุได้ทั้งหมดพร้อมนำตัวมา สอบสวน สาเหตุเกิดจากมีการเต้นตามเสียงดนตรีในงานและมีการเหยียบเท้ากันในงานแสดงดนตรีของทางวัดในพื้นที่สมุทรสาคร โดยที่มีอาการมึนมืนเมาอยู่แล้วจึงได้เกิดการทะเลาะวิวาทกันและกลุ่มแก๊งชาวเมียนมาได้รุมกระทีบทำร้ายร่างกายคนไทยจนบาดเจ็บเป็นข่าวดังในจังหวัดว่า กลุ่มเมียนมาได้ทำร้ายคนไทยสร้างความหวาดกลัวให้กับคนไทยว่าคนต่างด้าวเหิมเกริมหนักมาก ไม่เกรงกลัวกฎหมายถึงกับทำร้ายคนไทยเชียวหรือ ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งติดตามกลุ่มคนร้ายกลุ่มนึ้มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วจนสามารถบุกรวบยกแก๊งได้ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาครเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป