จากกรณีเจ้าของร้านอาหารเดลิเวอรี่ โพสต์คลิปวงจรปิดหน้าร้าน บันทึกภาพพฤติกรรมของหญิงไรเดอร์หมวกกันน็อคหูแมว นำขยะและของเหลวบรรจุขวดมาเทเรี่ยราดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งในซอยอนามัย 2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.67 และวันที่ 5 ม.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งทิชชู่ที่ใช้แล้ว คอตตอนบัดที่ใช้แล้ว รองเท้าผ้าใบเก่า 1 ข้าง และขวดน้ำปลาร้าบรรจุของเหลวลักษณะใสในขวดมาเทเรี่ยราดบนถนนหน้าร้านอาหาร และยังพบว่าได้ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันอีกหลายที่ ซึ่งนอกจากขยะเหล่านี้แล้วยังเคยโยนผ้าอนามัยที่ใช้แล้วใส่หน้าบ้านคนอื่นอีกด้วย โดยส่วนใหญ่เป็นหน้าบ้านของลูกค้าและร้านค้าที่หญิงไรเดอร์หมวกกันน็อคหูแมวรายนี้ไปรับส่งออเดอร์ ซึ่งเจ้าของร้านอาหารได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่นเรียบร้อยแล้วตามข่าวที่ได้นำเสนอไปอย่างต่อเนื่อง

ความคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.เอ วัย 43 ปี หญิงไรเดอร์ดังกล่าวผ่านทางโทรศัพท์ (เจ้าตัวไม่ยินยอมให้พบและให้สัมภาษณ์)

น.ส.เอ กล่าวว่า กรณีในซอยอนามัย 2 เจ้าของร้านที่เป็นผู้ชายนั่งหันเท้ามาหน้าร้าน และก็รู้ว่าคนที่จะไปรับอาหารคือตนเอง  แต่ทำไมจึงหันเท้ามาใส่หน้าเรา ตนเองจึงนำรองเท้าไปหันใส่คืน มันผิดตรงไหนเพราะเป็นถนนสาธารณะถ้าเค้าจะอ้างว่าเค้าทำในบ้านเป็นที่ของเค้าเราก็ทำบนถนนซึ่งเป็นที่สาธารณะใครจะทำอะไรก็ได้ และที่อื่นๆก็เช่นกันล้วนแต่ถูกกระทำก่อน ซึ่งคนเรานั้นรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร  แต่ละที่พวกคุณรู้ว่าทำอะไรใส่เราถามไปก็ไม่ยอมรับซักอย่างอย่า มาบอกว่าทำทำไม ทำเพราะอะไร ซึ่งพวกคุณรู้ดี 

"ไม่ขอเข้าพบตำรวจตามหมายเรียก ฝากบอกตำรวจด้วยว่าถ้ากฎหมายใช้กับคนอื่นไม่ได้อย่ามาใช้กับเรา เพราะอะไรตำรวจรู้ดี ตนเองถูกรถชนบาดเจ็บที่ขาไม่สามารถวิ่งรับส่งออเดอร์ได้เป็นสัปดาห์ คู่กรณีชดเชยมาแค่ 300 บาท เราแจ้งความให้ตำรวจ ให้ไปตามผู้หญิงคนนั้นมาชดเชยค่าเสียหายก็ทำให้เราไม่ได้ แต่พอคนมีตังค์แจ้งความทำไมถึงทำให้เร็วจังเลย แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองทิ้งขยะ แต่อยากอ้างถึงว่ากฎหมายมันเป็นการเลือกปฏิบัติ เค้าเชิญให้ไปเราพบ เราจึงเลือกที่จะไม่ไป เพราะกฎหมายมันไม่ศักดิ์สิทธิ์ และเรื่องการทิ้งขยะมันก็เป็นที่สาธารณะถ้าทิ้งแล้วจะเป็นอะไร คนอื่นยังทิ้งได้ไม่เห็นถูกจับ ถ้าเค้าควบคุมคนอื่นไม่ได้อย่ามาควบคุมเรา ทำไมไม่ไปบังคับใช้กฎหมายกับคนอื่นให้ได้ก่อน ก่อนจะมาใช้กฎหมายกับเรา กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับเราถ้าตำรวจยังควบคุมคนอื่นไม่ได้และถนนเป็นที่สาธารณะใครจะทิ้งก็ทิ้งได้ คนอื่นทิ้งได้แล้วตนเองทิ้งไม่ได้คนเดียวหรือในโลกนี้"

ขณะที่ พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้ออกหมายเรียกตัวผู้ก่อเหตุครั้งที่ 1 ไปแล้วโดยออกตามชื่อ และที่อยู่ ของผู้ก่อเหตุ ที่ได้ข้อมูลจากผู้เสียหาย โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ได้นำหมายเรียกไปส่งให้ผู้ก่อเหตุที่บ้านแต่ไม่มีคนอยู่ ซึ่งตามกระบวนการต้องรอให้ผู้ก่อเหตุมาแสดงตัวตามหมายเรียกเท่านั้น หากไม่มาตามหมายเรียกภายใน 7 วัน ก็จะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และหากยังไม่มาพบพนักงานสอบสวนอีกก็จะต้องทำการออกหมายจับซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และหากเจ้าหน้าที่พบตัวที่ใด ก็จะสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทันที 

"จากพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุ ไม่ได้ก่อเหตุเพียงจุดเดียว แต่ยังมีการตระเวนก่อเหตุในอีกหลายพื้นที่ จะเข้าข่ายถึงขั้นเป็นพฤติกรรมป่วนเมืองหรือไม่นั้น ต้องดูว่า พฤติกรรมที่เค้าก่อนั้น เข้าข้อหาผิดกฏหมายอะไร มีข้อกฏหมายรองรับหรือไม่ ทั้งนี้จากข้อมูลที่มี และพฤติกรรมที่ปรากฎ ผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมออกไปทางคล้ายๆกับคนมีอาการทางจิต แต่ก็ยังไม่สามารถฟันธงได้ เพราะขณะนี้ยังไม่เจอตัวผู้ก่อเหตุ จึงต้องรอผู้ก่อเหตุมาแสดงตัวต่อพนักงานสอบสวนก่อน จากนั้นจะมีการส่งตัวผู้ก่อเหตุไปพบแพทย์ ซึ่งต้องรอการพิสูจน์จากเเพทย์เพื่อยืนยันว่าพฤติกรรมดังกล่าว หรือตัวบุคคลผู้ก่อเหตุดังกล่าว เข้าข่ายป่วยทางจิตหรือไม่"