PIS ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT Solution หนุนรัฐเปลี่ยนผ่านสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล

จากรายงานวิจัยกรุงศรีเดือนมีนาคม 2566 พบว่ารายได้ธุรกิจซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์มีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 11.0-12.0% ต่อปีในช่วงปี 2566-2568 สอดรับแนวโน้มการลงทุนด้านซอฟต์แวร์ที่มีทิศทางขยายตัว โดย Gartner, 2566 คาดว่ามูลค่าซอฟต์แวร์และบริการด้านไอทีของไทยจะเติบโต 14.9% และ 10.4% ตามลำดับ ในปี 2566 จากแนวโน้มการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านซอฟต์แวร์ และบริการไอทีที่จะครอบคลุมไปถึงองค์กรระดับภูมิภาคกว้างขวางขึ้น

โดยมีปัจจัยหนุนที่สำคัญได้แก่ 1) การแข่งขันสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านการให้บริการเฉพาะเจาะจงกับลูกค้าในปริมาณมาก (Mass customization) ซึ่งต้องใช้ระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่แบบทันเวลาทั้งในภาคการผลิตและบริการ 2) การลดค่าใช้จ่ายด้านการบริหารและประมวลผลข้อมูลโดยใช้บริการผ่านระบบสมาชิกบนคลาวด์ในรูปแบบ Subscription model หรือ SaaS ที่มีต้นทุนถูกกว่าการติดตั้งระบบ Software แบบเดิม 3) การเข้ามาลงทุนของผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำของโลก ได้แก่ Google Cloud และ Amazon Web Services (AWS) โดยจะตั้งศูนย์ข้อมูลระดับภูมิภาคในประเทศไทย (Regional data centers) ในปี 2566-2567 จะเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจไทยเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์อย่างเต็มรูปแบบ

นอกจากนี้ ภาครัฐได้มีนโยบายขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างจริงจังภายใต้แผนระดับชาติ “Digital Thailand” สนับสนุนการปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ดิจิทัล (Digital transformation) ทั้งในภาคธุรกิจและภาครัฐ โดยจะเน้นทางด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบนิเวศด้านดิจิทัล การพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัล และสนับสนุนให้เกิดการปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ดิจิทัล ผ่านโครงการให้ทุน Startups ขยายธุรกิจสู่กํารสร้างผลกำไรเชิงพาณิชย์ รวมทั้งส่งเสริมกํารลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัล (ครอบคลุมการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล ซอฟต์แวร์ บริการดิจิทัล และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล) ซึ่งจัดอยู่ในอุตสาหกรรม New S-curve ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงหรือเป็นฐานความรู้ใหม่ โดยให้สิทธิพิเศษยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล (5-8 ปี) และภาษีนำเข้าเครื่องจักร/ชิ้นส่วน เป็นต้น ซึ่งนโยบายเหล่านี้จะส่งให้ตลาดการให้บริการดิจิทัลและซอฟต์แวร์เติบโตอย่างต่อเนื่อง

นางสาวเบญญาภา เฉลิมวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) (PIS) เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมขายหุ้น IPO จำนวน 140 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น 25.93% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดหลัง IPO และจะเข้าจดทะเบียนในตลาด mai กลุ่มอุตสาหกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศ ภายในไตรมาส 1/2568 เพื่อนำเงินวางเป็นหลักประกันกับสถาบันการเงินออกหนังสือค้ำประกัน (Letter of Guarantee: LG) ให้กับงานโครงการ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในงานโครงการแก่ลูกค้าหน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ

“เงินระดมทุนจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการประมูลงานเพิ่มมากขึ้นเป็นมากกว่า 2,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่เข้าประมูลงานโครงการมูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาท ขณะที่มองว่าแนวโน้มอุตสาหกรรม ICT ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง รวมทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากนโยบายรัฐที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างจริงจัง ซึ่งภาครัฐลงทุนด้านเทคโนโลยีราวแสนล้านต่อปี ส่งผลให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการเป็นผู้ให้บริการด้าน ICT Solution แก่ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ”

ทั้งนี้ PIS มีจุดแข็งจากกลุ่มลูกค้าภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นฐานรายได้สำคัญโดยมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มนี้คิดเป็น 99.94% ของรายได้รวม บริษัทฯให้บริการโซลูชันที่สอดคล้องกับนโยบาย Digital Thailand เช่น โครงการจัดหาระบบอ่านแผ่นป้ายทะเบียนอัตโนมัติครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ และพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”

ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนของปี 2567 มีรายได้รวม 988.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.38% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 67.88 ล้านบาท โดย PIS มั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ในปี 2567 จะเติบโตตามแผนงานที่วางไว้ หลังจากหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เดินหน้าเปิดประมูลงานและขยายงานตามแผน ซึ่งเพิ่มโอกาสในการส่งมอบงานและเข้าประมูลงานใหม่ของบริษัทฯ สนับสนุนผลงานในช่วง 1-3 ปี ข้างหน้าเติบโตอย่างได้เป็นอย่างดี สามารถสร้างผลตอบแทนให้ดีกับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับ PIS ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2555 โดยมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจจำหน่าย และวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ครอบคลุมการบริการให้การปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง  ดูแลบำรุงรักษาระบบงาน จัดหาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร (ICT Solutions) นอกจากนี้ ยังได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเจ้าของผลิตภัณฑ์ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และผลิตภัณฑ์กล้องโทรทัศน์วงจรปิดชั้นนำระดับโลก อย่าง Dahua Hikvision และ Huawei