ภูมิธรรม ลั่นเรื่องตลก! กระแสปรับ ครม.เขี่ย รทสช. พ้นครม. วอนอย่าฟังคนปล่อยข่าว-ปั่นประเด็น ยันพรรคร่วมฯยังกลมเกลียว ด้าน อนุทิน ระบุยังไม่มีสัญญาณปรับ ครม. ชี้ถ้าถูกปรับคงไม่ใช่ ภูมิใจไทย ส่วน อังคณา หนุนถอดสิทธิ สว. โหวตแก้รธน. แต่อาจเหนื่อย เหตุ สว.ข้างมาก ไม่เอาด้วย กระตุก ทักษิณ รีบขอโทษปากไวพูดส่อเหยียดผิว จี้ นายกฯ เตือน พ่อ อย่าพูดจาเหยียดเชื้อชาติ

         ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 6 ม.ค.68 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปราศรัยหาเสียง สู้ศึกเลือกตั้งนายก อบจ.ที่จังหวัดเชียง รายถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และยืนยันว่า จะไม่มีการปรับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ออก ถือว่าเป็นการเกินอำนาจในการแต่งตั้งรัฐมนตรีหรือไม่ว่า  ตนไม่ทราบว่านายทักษิณ มีข้อมูลอะไร หรือพูดในสถานะไหน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องตลกมาก มันไม่มีความรู้สึกในหมู่พรรคร่วมรัฐบาล หรือครม.ที่อยู่ๆ จะปรับคนนู้น ปรับคนนี้ ตนว่าสื่อต้องเลือกฟังแหล่งข่าวที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นเราจะกลายเป็นเครื่องมือให้เขาปั่นประเด็นต่างๆไปมากมาย 
         "ขอยืนยันได้ว่า เรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้นๆ และยังไม่มีประเด็นที่จะไปคุยกัน ซึ่งอำนาจในการปรับครม.ทั้งหมด อยู่ที่นายกรัฐมนตรี ถ้านายกฯ บอกว่าโอเค ก็โอเค แต่ถ้านายกฯ บอกว่ายังไม่ทราบก็ยังไม่ทราบ ซึ่งต้นตอข่าวก็ทำนายผิดมาตลอด ก็ยังจะไปให้เครดิตอะไรเขา
        
 เมื่อถามว่า จะทำให้เกิดการระวังตัวในรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ต้องระวัง เพราะเราคุยกันแบบตลก ทุกคนที่ถูกเอ่ยชื่อก็มานั่งคุยกันว่ามันตลกดีว่า ไปเอาข่าวมาจากไหน เมื่อรู้แหล่งข่าวก็รู้สึกตลกใหญ่ อย่าไปฟังเขามาก ทายมาหลายครั้งก็ผิดมาหลายครั้ง
        
 เมื่อถามต่อว่า การปราศรัยของนายทักษิณ ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงจะทำให้การเมืองร้อนขึ้นอีกหรือไม่ เพราะมีการประเมินกันแล้วว่าปีนี้จะระอุกว่าเดิม นายภูมิธรรม กล่าวว่า ประเมินต่างกัน เพราะตนประเมินว่าไม่มีอะไรเลย ที่วิจารณ์กันก็ขอให้วิจารณ์กันให้เต็มที่ เพราะระบอบประชาธิปไตยสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ถ้าถามคนในรัฐบาลทุกคนก็จะบอกว่าไม่มีอะไรเลย ยังไม่รู้สึกอะไรเลย และยังแปลกใจกับข่าวที่เอาไปเล่นกัน จนเป็นประเด็นมากมาย ตนคิดว่าเราควรให้ความสำคัญกับข้อเท็จจริง และแหล่งข่าวให้มากขึ้น
        
 เมื่อถามอีกว่า วันนี้พรรคร่วมรัฐบาลกลมเกลียวกันดีใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า "โอเคดี ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย "
        
 เมื่อถามถึงกรณีฝ่ายค้าน เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคร่วมรัฐบาลจะมีการนัดพูดคุยหารือกันหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ฝ่ายค้านก็มีหน้าที่และที่เห็นพูดมายังไม่มีการตัดสินใจจริงๆบางทีพูดไปอย่างออกมาอีกอย่าง ก็รอดูเขาตัดสินใจให้ชัดเจน ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้ในเมื่อทำงานร่วมกันได้อย่างดี และยังประสานงานกันได้ดีก็ไม่มีอะไรที่น่ากังวล ซึ่งหากฝ่ายค้านมีความชัดเจนแล้วว่า จะอภิปรายใครบ้าง เดี๋ยวพรรคร่วมรัฐบาลจะคุยกัน เพราะเราก็คุยกันอยู่แล้ว เรื่องที่ยังไม่เกิดก็ยังไม่ต้องไปคุยให้มันเกิดปัญหารกใจ 
        
 เมื่อถามว่า ดูเหมือนรัฐบาลจะไม่สะเทือนกับการที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปราย มั่นใจในการทำงานว่าจะไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราบอกแล้วว่า เราแข่งกับตัวเอง เราตั้งใจทำงานและอยากเห็นผลให้ดีที่สุด เราก็รู้อยู่แล้วว่า ถ้าเราแก้ปัญหาให้กับประชาชนไม่ได้ เราเองก็มีปัญหา ฉะนั้นถ้าพูดถึงความตั้งใจ ความพยายาม และการจัดการของรัฐบาลเอง รัฐบาลก็เดินหน้าเต็มที่ แต่ละเรื่องที่มีความยากลำบากก็พยายามจัดการ และก็ผ่านไปได้ทุกๆปัญหา ก็ไม่มีอะไรน่ากังวล เป็นไปตามวิถีทางของประชาธิปไตย อยากอภิปรายก็ได้ ถ้ามีข้อมูลก็มา เพราะเรามั่นใจว่าเราไม่มีอะไรที่เป็นปัญหา
        
 ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสการปรับครม.ว่า  สำหรับตนยังไม่มีสัญญาณ ไม่มีการแจ้งอะไรมา ยังทำงานตามปกติ
        
 เมื่อถามว่า มีรายงานว่าอาจปรับบางพรรค นายอนุทินกล่าวว่า คงไม่ใช่พรรคผมมั้ง ผมก็ทำงานขนาดนี้ น่ารักแบบนี้
        
 ที่รัฐสภา นางอังคณา นีลไพจิตร สว.และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.)กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคประชาชน เสนอต่อประเด็นการแก้ไขมาตรา 256 และเพิ่มหมวดสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งมีประเด็นที่ลิดรอนสิทธิของ สว.ต่อการออกเสียงเห็นชอบ ว่า ตนสนับสนุนในเนื้อหาที่พรรคประชาชนเสนอ โดยเนื้อหาที่เสนอแก้ไขนั้นเป็นสิทธิที่ทำได้ อย่างไรก็ดีตนประเมินว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในรอบนี้พรรคประชาชนอาจจะเหนื่อย เนื่องจากว่าไม่ได้เสียงสนับสนุนจาก สว.ส่วนใหญ่ 
        
 ขอเรียกร้องไปยัง สว.ส่วนใหญ่ให้คำนึงถึงอนาคตประเทศและประชาชน เพราะต้องยอมรับว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนั้นมีปัญหาหลายประการที่ควรได้รับการแก้ไขโดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
       
         นางอังคณา กล่าวด้วยว่า สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 นั้นมีการประเมินว่าอาจมีกระบวนการทำให้ยืดเยื้อ เพราะจะถูกยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย ซึ่งตนไม่ทราบว่าจะมีฝ่ายใดเป็นผู้ดำเนินการ ดังนั้นเมื่อมีการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว การพิจารณาต้องหยุดไปก่อนจนกว่ามีคำวินิจฉัย.
       
  นอกจากนี้ นางอังคณา ยังกล่าวเรียกร้องให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายให้กับ นางสลักจฤษฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย เบอร์ 2 ขอโทษ หลังจากพูดบนเวทีหาเสียงที่ จ.เชียงราย ช่วงหนึ่งกล่าวถึงความสวยและเปรียบเทียบกับผู้หญิงผิวสี รวมถึงขอให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เตือนนายทักษิณ ฐานะบิดา ให้ระวังคำพูดเนื่องจากการพูดลักษณะที่เหยียดสีผิวนั้นอาจทำให้มีผลกระทบกับหลักการของสหประชาชาติได้ อย่างไรก็ดีแม้ว่านายทักษิณไม่มีตำแหน่งใดทางบริหารแต่เป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวางว่านายทักษิณเป็นผู้มีอิทธิพลของพรรคเพื่อไทย
        
 นายทักษิณพูดหาเสียงเป็นสิทธิ แต่ไม่สามารถพูดอย่างไรก็ได้ได้ เนื่องจากต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่ด้อยค่าหรือลดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แม้กรณีดังกล่าวอาจไม่ทำให้เกิดขัดแย้ง เป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้ แต่เพื่อเป็นการป้องกันนายทักษิณควรออกมาขอโทษ นางอังคณา กล่าว
        
 ขณะเดียวกัน นางอังคณา ยังโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า "จะชมตัวเองชมลูก ชมหญิงเหนือไม่มีใครว่า แต่ต้องไม่พูดจา #เหยียดเชื้อชาติเหยียดสีผิว #ด้อยค่าไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะในวันที่ไทยเป็นสมาชิก HRC  #นายกควรตักเตือนพ่อบ้าง #ทักษิณควรขอโทษคนผิวสี"
        
 วันเดียวกัน ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ซึ่งได้พิจารณากระทู้ถาม ของนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว.ถาม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ถึงเรื่องมาตรการสนับสนุนตลาดพลังงานสะอาดผ่านโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ว่าการผลิตไฟฟ้าในปัจจุบันปล่อยมลพิษมากที่สุด ดังนั้น การเปลี่ยนผ่านไฟฟ้าไปเป็นพลังงานสะอาดเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งที่ผ่านมาถูกเอื้อให้กับกลุ่มทุน ที่รัฐบาลซื้อพลังงานหมุนเวียน ที่เริ่มตั้งแต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เวลาที่รัฐบาลจะซื้อก็อ้างเรื่องความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ ซี่งตนตั้งคำถามทุกครั้งว่าเป็นความมั่นคงของประเทศหรือของใครกันแน่ เพราะปัจจุบันเรามีกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงกว่าความต้องการหรือหลักการสำรองไฟฟ้าอยู่แล้ว โดยเป็นการเพิ่มภาระค่าไฟให้กับประชาชนทั่วประเทศ มีโรงงานไฟฟ้าที่ไม่ได้ผลิตเลย แต่ยังได้เงินจากประชาชนผ่านค่า FT ที่สำคัญคือการรับซื้อนั้น ไม่มีการประมูล ตนเห็นด้วยกับความกล้าหาญของนายพีระพันธุ์ที่ไม่เห็นด้วยกับการรับซื้อไฟฟ้าและให้ชะลอการรับออกไป แต่เรายังต้องติดตามว่าจะกลับมาดำเนินการต่อหรือไม่ 
         
นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้มีบารมีนอกรัฐบาลที่ไปถ่ายรูปในสนามกอล์ฟใช่หรือไม่ ตนก็ไม่ทราบ เรื่องนี้ท่านมองเห็นถึงโครงสร้างการรับซื้อพลังงานสะอาดหรือไม่ เช่น โซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop)จะมีการขยายการรับซื้อจากภาคประชาชนเหมือนกับกลุ่มทุนหรือไม่ รวมถึงข้อกฎหมายต่างๆ ที่ทำให้การขออนุญาตใช้เวลานาน ท่านจะทำอย่างไร จะมีมาตรการจูงใจภาคครัวเรือนเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้น และจะมีวิธีลดภาระอย่างไร
       
         นายพีระพันธุ์ ชี้แจงว่า ตนยืนยันว่าส่วนตัวไม่ทราบมาก่อนว่ามีการผูกขาดพลังงาน เพราะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเข้ามารับตำแหน่ง จึงยังไม่สามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้ในทันทีทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน แต่ยอมรับว่าตนหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้ง ยังมีข้อผูกพันทางกฎหมาย มันไม่ใช่ทันใจที่เราอยากทำ  ซึ่งนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมามีความชัดเจนอยู่แล้วว่า จะต้องลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน โดย 1 ปีที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่มีนโยบายขึ้นค่าไฟฟ้าและตรึงราคาค่าแก๊สไว้ตลอด ซึ่งแม้จะยังไม่สามารถลดราคาได้ แต่ได้พยายามไม่ให้ขึ้นไปมากกว่านี้ ที่สำคัญรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อประเด็นปัญหานี้ ถ้าติดตามการทำงานของตน มันมีคำตอบอยู่ในตัวของมันอยู่แล้ว
     
  ส่วนตัวผมไม่ชอบเรื่องความไม่โปร่งใส ไม่ถูกต้อง และไม่ชัดเจน เพราะฉะนั้น นโยบายเรื่องนี้ ตนขออนุญาตกราบเรียนว่าเรามีความคิด ผมกับท่าน ตรงกันอยู่แล้วที่จะดำเนินการ สำหรับประเด็นเรื่องความมั่นคงด้านพลังงาน ผมเห็นด้วยกับท่าน ผมคิดอีกแบบ  ความมั่นคงทางพลังงานไม่ใช่เพียงแค่การทำให้มีพลังงานในปริมาณที่มากขึ้น แต่ความมั่นคงทางพลังงานที่แท้จริงต้องทำให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองในการมีไฟฟ้าใช้ได้ โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ทั้งจากพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานน้ำ ประเทศเราที่เหมาะสมที่สุดคือแสงอาทิตย์ ดังนั้น จึงควรคิดว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีความมั่นคงทางด้านพลังงาน อย่าพูดถึงขายเลยครับ เอาแค่ไม่ต้องจ่ายค่าไฟ ไม่ต้องพะวงว่าอีก 4 เดือน ค่าไฟจะปรับเท่าไหร่ ปัจจุบันที่ต้องปรับเพราะไฟฟ้าผลิตจากแก๊ส เราเจอภาวะราคาตลาดโลก ทำให้กำหนดราคาไม่ได้คงที่ ผมก็พยายามศึกษา เพราะเป็นสัญญาที่ทำข้อตกลงไว้แล้ว นายพีระพันธุ์ กล่าว
        
 นายพีระพันธุ์ ย้ำว่าตนไม่เข้าใจ ว่าทำไมต้องแยกส่วนการไฟฟ้าไปอยู่ในกระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทย เพราะเมื่อมีการแยกระหว่างการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่ทั้ง 2 หน่วยงาน ต้องรับไฟฟ้ามาจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ซึ่งเป็นฝ่ายผลิตแต่ไม่ได้เป็นฝ่ายขาย ทุกขั้นตอนต้องมีกำไร หากไม่มีกำไรก็ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ และประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่าย ตนอยากจะหาทางแก้ปัญหา แต่ทั้งหมดนี้ สว. และ สส. เป็นผู้บัญญัติกฎหมาย รู้หรือไม่ กฎหมายไฟฟ้าฝ่ายผลิตกำหนดตั้งแต่ปี 2511 ดังนั้น ควรมีการปรับแก้ ปัญหาพลังงาน ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเห็น แต่ประเด็นคือใครจะเป็นคนทำ
      
 ท่านนายกฯ แพทองธารก็กำชับผมด้วยซ้ำไป ผมไม่อยากให้เข้าใจผิด ท่านนายกฯเศรษฐามาถึงนายกฯแพทองธารได้กำชับผมมาโดยตลอดให้ช่วยแก้ปัญหา นายพีระพันธุ์ กล่าว
        
 นายพีระพันธุ์ ชี้แจงรายละเอียดว่า เวลาประชาชนจะขอติดแผงโซลาร์ต้องขออนุญาตถึง 5 หน่วยงาน ซ้ำซ้อน และยุ่งยากมาก รวมถึงต้องรอเป็นปี ตนในฐานะกำกับกระทรวงอุตสาหกรรมและพลังงานก็ได้สั่งการแก้ระเบียบไปแล้ว วันนี้การแก้กฎหมายไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อน อีกนานกว่าจะเข้า ครม. รวมถึงเรื่องการหาเงินทุน
       
ผมไม่ทราบหรอก เพราะผมไม่ใช่นายทุน  แต่วันนี้มันเกิดกับพี่น้องประชาชน ผมต้องแก้ไข แล้วถ้าหากว่าท่านติดตามข่าวสารเหมือนที่ท่านพูด ท่านจะเห็นเลยว่าอะไรที่ส่อไปในทางที่ไม่ถูกต้อง ผมสั่งระงับท