เมื่อวันที่ 6 ม.ค.68 จากกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย ไปปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.เชียงราย จนถูกวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสมทั้งเรื่องการแสดงบทบาทชี้นำรัฐบาล และการใช้คำพูดอย่างดุเดือด รวมถึงประเด็นการด้อยค่า จนมีการเรียกร้องให้ออกมาขอโทษสังคมนั้น
ล่าสุด นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กมีเนื้อหาดังนี้
บางมุมจากเชียงราย
สาระ : แต่ละนโยบายบนเวที คือเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ปราบยาเสพติด คอลเซนเตอร์ ลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน ยกเลิกการผูกขาด บ้านเพื่อคนไทย หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน SML และอีกหลายวาระล้วนตอบโจทย์ ผมเชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยฟังแล้วคาดหวังว่าจะเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้
ส่วนที่ไม่เชื่อ ไม่หวัง ซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคล ก็คงไม่ถึงขั้นยืนยันฟันธงว่าจะไม่สำเร็จ
สถานะ : คนไทยทุกคนมีสิทธิ์พูด เสนอ เรียกร้อง กระทั่งกดดัน ให้รัฐบาลทำในสิ่งที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ ซึ่งเราเห็นผู้รู้ทั้งหลายทำกันทั่วไป ผู้ไม่รู้แต่ทำเหมือนโคตรรู้ก็เห็นมี
ดร.ทักษิณเป็นอดีตนายกฯ ที่ได้รับการยอมรับเรื่องความรู้ ความสามารถ วิสัยทัศน์ ผลงาน ทั้งในประเทศและนานาชาติ เป็นพ่อของนายกฯคนปัจจุบัน การให้คำปรึกษา ชี้แนะ ด้วยโลกทัศน์และประสบการณ์เป็นเรื่องปกติ
ผมไม่เคยและไม่คิดจะเอาเรื่องครอบงำมาเล่นงานพรรคไหน หรือจะใช้วิจารณ์ก็ไม่ เพราะกติกานี้เพิ่งมีในรัฐธรรมนูญ 60 ถึงขั้นยุบพรรค เพราะเคยแพ้ภายใต้สโลแกน ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ
ร่างขึ้นมาเพื่อเจาะจงเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ตามเจตนารมณ์และเป้าประสงค์ในการบังคับใช้ โดยหลักการสิ่งนี้ไม่น่าเรียกว่ากฎหมาย
พรรคการเมือง 3 ลำดับแรกในสภา ถูกมองว่ามีผู้นำจิตวิญญาณอยู่เบื้องหลัง
เพื่อไทย กับพรรคประชาชน ผมเข้าใจและเห็นใจ เพราะต่างถูกกระทำทางการเมือง ผู้นำที่ถูกตัดสิทธิ์ผูกพันธ์กับพรรคในฐานะผู้ก่อตั้ง ยังไงก็แยกกันไม่ออก
ภูมิใจไทยก็มีแนวทางอีกแบบของพรรค ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองควรเลือกทำได้ต่อหน้าประชาชน ไม่ต้องปิดบัง ไม่มีข้อหาครอบงำ ให้ประชาชนได้คิดและตัดสินใจเลือกแต่ละพรรคเอง
สีสัน ดราม่า : การปราศรัยทางการเมืองย่อมมีกระทบกระทั่ง ส่วนใหญ่ผู้พูดใช้เป็นสีสัน ไม่ได้คิดแค้นส่วนตัว นักการเมืองกระแทกกันไปมา แต่เวลาเจอหน้าไม่เคยเห็นใครกระโดดชกกัน
อาจมีบางมุมเป็นดราม่า แต่เนื้อในไม่มีเจตนาเหยียดใคร เพียงอธิบายสิ่งที่คิดว่าจะทำให้เกิดประโยชน์ ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นเรื่องต้องรับฟัง และทำความเข้าใจกับความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย
ธรรมชาติเวทีการเมืองเป็นแบบนี้ และธรรมดาของการเมือง จะให้คนเห็นด้วยกันทั้งหมด ไม่มี