ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2567 น.ส.ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร อดีตนายก อบจ.ลำปาง ผู้สมัครเลือกตั้งนายก อบจ.ลำปาง พรรคเพื่อไทย เบอร์ 2 ลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการภายในงานเซรามิคแฟร์ ที่ อ.เกาะคา จ.ลำปาง โดยได้รับความสนใจจากผู้ค้าจำนวนมากที่เข้ามาขอถ่ายรูป 
 
น.ส.ตวงรัตน์ กล่าวว่า ตลอดเวลา 4 ปี ในตำแหน่งนายก อบจ.ลำปาง พบปัญหาในการพัฒนาจังหวัดมีข้อติดขัดหลายประการ เช่น เรื่องการขอใช้พื้นที่ในการทำโครงการต่างๆ เนื่องจาก อบจ.ไม่มีพื้นที่เป็นของตัวเอง  
 
“อบจ.ดูแลทั้งจังหวัดก็จริงแต่เวลาจะไปทำโครงการพัฒนาจังหวัดต้องขออนุญาตจากเจ้าของพื้นที่ซึ่งก็คือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ไม่ว่าจะ อบต.หรือเทศบาล นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ของหน่วยงานราชการต่างๆ แม้ว่าเราจะมีงบประมาณอยากจะทำเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ไปสร้างพนังป้องกันตลิ่ง ซ่อมสะพานอะไรก็ตาม ทุกเรื่องจะต้องมาหยุดอยู่ตรงขอใช้พื้นที่ ซึ่งใช้เวลานาน เช่น ขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าสงวนบางครั้งขอไป 4-5 ปี ก็ยังไม่ได้ ต้องทำ EIA ขออนุญาตหน่วยงานที่เป็นเจ้าของพื้นที่ ขอไป 5 ปีแล้วทุกวันนี้ยังไม่ได้เลย จนงบประมาณตกไป เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย” อดีต นายก อบจ.ลำปาง กล่าว 
 
น.ส.ตวงรัตน์ กล่าวอีกว่า มีบางโครงการที่ อบจ.ลำปาง อยากผลักดันเช่น ถนนเลียบแม่น้ำวังในเขตเทศบาลเมืองเขลางค์นคร อยากเข้าไปช่วยทำให้เกิดแลนด์มาร์คที่จะเป็นจุดท่องเที่ยวใหม่ของลำปาง  
 
“พื้นที่ใกล้ๆนั้นตรงส่วนของเทศบาลนครลำปางได้มีการสร้างสวนรถไฟสะพานดำสวยงาม พอย้ายมาฝั่งตรงข้าม ตรงนั้นยังไม่มีถนน มันเป็นความเหลื่อมล้ำเห็นความแตกต่างชัดเจนมาก อยู่ในจังหวัดเดียวกันแต่เหมือนอยู่คนละประเทศ ก็เป็นความตั้งใจว่าอยากช่วยผลักดันไปทำถนนเลียบแม่น้ำวังฝั่งตรงข้ามให้เกิดเป็นเส้นทางคมนาคม พัฒนาพื้นที่ใต้สะพานดำฝั่งตรงข้ามให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เราก็ต้องไปขออนุญาตเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ก็เกิดอุปสรรคทำให้โครงการที่น่าจะเกิดประโยชน์กับลำปางยังทำไม่ได้ เพราะต้องเกิดความร่วมมือระหว่าง อบจ.  กรมโยธาธิการและผังเมือง เจ้าของงบประมาณ และหน่วยงานที่เป็นเจ้าของพื้นที่ เป็นอุปสรรคที่ทำให้การพัฒนาเกิดยาก” ผู้สมัครนายก อบจ.ลำปาง พรรคเพื่อไทย กล่าว 
 
น.ส.ตวงรัตน์ กล่าวอีกว่า กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่น ซึ่งมีความเข้มงวดรัดกุมมาก ก็เป็นอุปสรรคในการพัฒนาจังหวัดของ อบจ. 
 
“น่าจะเป็นเพราะทัศนคติตั้งแต่สมัยกระจายอำนาจว่าท้องถิ่นไม่ค่อยมีคุณภาพ ผู้บริหารท้องถิ่นจบการศึกษาไม่สูง ทำให้ระเบียบที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างทุกเรื่องเข้มงวดมาก เรารู้เพราะรับโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต) จากกระทรวงสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ รพ.สต.จะบ่นว่าเอกสารเบิกจ่าย จัดซื้อจัดจ้างมีระเบียบเข้มงวด ซึ่งเรามองว่าจำเป็นเพราะเราถูกตรวจสอบจาก สตง. และ ปปช.ตลอดเวลา นี่ก็ทำให้เกิดการพัฒนาได้ยาก เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นข้าราชการประจำก็ไม่อยากทำผิดระเบียบแต่เมื่อติดระเบียบมากมาย เขาก็จะทำ 2 เรื่องคือ หนึ่งไม่ทำเลย สองคือติดอยู่ในกรอบระเบียบ เหมือนม้าลำปางที่ต้องเดินตรงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้เกิดการพัฒนาได้” อดีตนายก อบจ.ลำปาง กล่าวและว่า 
 
“ถ้าถามว่าปัญหาในการพัฒนาลำปางคืออะไร เท่าที่สังเกตก็คือความร่วมไม้ร่วมมือน้อยในทุกๆภาคส่วน เช่น ท่องเที่ยวก็จะมีองค์กรหลากหลาย สื่อมวลชนเองก็มีองค์กรหลากหลาย แล้วก็ไม่เกิดความร่วมมือกัน ถ้าทุกคนร่วมมือกันเป็นองค์กรเดียวแล้วทำร่วมกันมันจะมีพลัง นี่ต่างคนต่างกระจัดกระจายไม่เกิดพลังในการทำงาน จะผลักดันอะไรก็ยาก ไม่แน่ใจว่าจังหวัดอื่นเขามีแบบนี้ไหม แต่จังหวัดเรามีครบทุกวงการ ต่างคนต่างเก่ง มีแนวคิดดีๆเยอะเลยแต่ไม่คุยกัน นี่น่าจะเป็นปัญหาของลำปาง” น.ส.ตวงรัตน์ กล่าว