"ปปช." ฟันอาญา-จริยธรรมร้ายแรง "ณัฏฐ์ชนน" สส.ภูมิใจไทยรับเงินค่ารักษาพยาบาล

เมื่อวันที่ 2 ม.ค.68 นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช.เปิดเผยว่า กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหา นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเขตเลือกตั้งที่ 7 จังหวัดสงขลา พรรคภูมิใจไทย  รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากบุคคลใด เนื่องจากยอมให้บุคคลอื่นชำระค่ารักษาพยาบาลแทนให้แก่ตนเอง

ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ขณะดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเขตเลือกตั้งที่ 7 จังหวัดสงขลา พรรคภูมิใจไทย ได้เข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ระหว่างวันที่ 19 - 21 กันยายน 2562 และวันที่ 23 กันยายน 2562 ถึงวันที่ 18 ตุลาคม 2562 มีค่ารักษาพยาบาลรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,449,223 บาท นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ได้ยอมให้บุคคลอื่นชำระค่ารักษาพยาบาลให้แก่โรงพยาบาลแทนตนเอง รวมเป็นเงินจำนวน 1,335,778 บาท และได้นำใบเสร็จรับเงินค่ารักษาไปเบิกค่ารักษาพยาบาลจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเบิกจ่ายได้เป็นเงิน จำนวน 495,409.50 บาท มีส่วนที่เกินสิทธิไม่สามารถเบิกจ่ายได้เป็นเงินจำนวน 953,813.50 บาท ต่อมานายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ได้เสนอให้มีการแต่งตั้งบุคคลหนึ่งในสามราย ที่ชำระค่ารักษาพยาบาลแทนตน เป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตัว ตามคำสั่งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่ 2455/2563 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2563 การกระทำของนายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ จึงเป็นการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากผู้ใด นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้ การกระทำของนายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ  มีมูลความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 128 ประกอบมาตรา 169 และมีมูลความผิดฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 ข้อ 9 ข้อ 10 และข้อ 17 ประกอบข้อ 3 และข้อ 27 ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นพร้อมสำเนาอิเล็กทรอนิกส์
ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และให้เสนอเรื่องกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตราฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย ตามฐานความผิดดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 76 และมาตรา 87 ประกอบระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง พ.ศ.2561 แล้วแต่กรณีต่อไป