กวาดยกแก๊งหลอกโปรโมทสินค้า แอบอ้างเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ดัง รู้ตัวอีกทีเงินหมดตัว

วันที่ 30 ธ.ค.67 ที่ บก.สอท.3  พ.ต.อ.สรกฤช พันธ์ศรี ผกก.3 บก.สอท.3  กล่าว่าตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. สืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อสามารถติดตามทรัพย์สินที่หลอกลวงไปกลับมาเยียวยาความเดือดร้อนของผู้เสียหาย จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว

สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 2565 ผู้เสียหายรายหนึ่งได้เข้าร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.3 ว่า ตนเองเห็นเพจเฟซบุ๊กโพสต์ข้อความ ไม่ต้องขายสินค้า, ทํางานที่บ้าน ไม่ต้องมีวุฒิการศึกษา, ทํางานวันละ 1-3 ชั่วโมง ตนเองสนใจจึงได้สอบถามข้อมูล จากนั้นคนร้ายให้เหยื่อแอดไลน์ แจ้งข้อความว่า งานของทางเราคือช่วย บริษัท เครื่องใช้ไฟฟ้า โปรโมทสินค้า เพื่อกระตุ้นยอดขาย ไม่มีการแชร์หรือโพสต์ และงานไม่ยากและไม่ผิดกฎหมาย เพียงออนไลน์หน้าระบบบริษัท สามารถสร้างรายได้ 300-9,000 บาท ต่อวัน ตนเองสนใจจึงได้พูดคุยและร่วมลงทุน จนเงินในบัญชีของตนเองหมด สุดท้ายรู้ว่าตนเองถูกหลอกลวง รวมความเสียหายทั้งหมด จํานวนเงิน 148,500 บาท พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผบก.สอท.2 รรท.ผบก.สอท.3 จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สรกฤช พันธ์ศรี ผกก.3 บก.สอท.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.3 เร่งสืบสวนสอบสวนวิเคราะห์เส้นทางการเงิน จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งข้อกล่าวหาและออกหมายจับผู้ต้องหาได้ทั้งขบวนการ จำนวน 7 ราย ตั้งแต่ บัญชีแถวที่ 1 จนถึงบัญชีแถวที่ 5

พ.ต.อ.สรกฤช พันธ์ศรี ผกก.3 บก.สอท.3 ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ธีรพงศ์ ใจอารีรอบ รอง ผกก.3บก.สอท.3, พ.ต.ท.ศิรสิทธิ์ ทันศรี สว.กก.3 บก.สอท.3 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน กก.3 บก.สอท.3 เร่งสืบสวนเพื่อกวาดล้างจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ จนสามารถจับกุม  น.ส.นันทพร และ น.ส.รัตนาภรณ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในฐานะเป็นบัญชีม้าแถวที่ 2 โดยล่าสุดในวันที่ 30 ธ.ค.2567 สามารถจับกุม นายพลอย อายุ 66 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 6201/2567 ลง 18 ธ.ค.2567 ได้ที่ จว.เพชรบูรณ์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นบัญชีม้าแถวที่ 5 ในความผิดฐาน“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” นำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.3 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ซึ่งในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.3 สามารถสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับได้ รวม 3 ราย และแจ้งข้อกล่าวหาอายัดตัวในเรือนจำ 1 ราย ยังหลบหนีอีก 1 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุม

จากการสอบสวนปากคำผู้ต้องหา น.ส.นันทพร รับว่าตนเองได้รับจ้างเปิดบัญชี เป็นเงิน 2,000 บาท แต่ไม่ทราบว่าบัญชีดังกล่าวจะถูกนำมาใช้รับเงินจากผู้เสียหาย  และ น.ส.รัตนาภรณ์ รับว่าตนเองได้ถูกเพื่อนพาไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อใช้สำหรับกู้เงิน ภายหลังตนเองได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวนจำนวนมาก จึงคิดว่าตนเองถูกหลอกให้เปิดบัญชีธนาคาร จึงได้หลบหนีมาตลอด ส่วนนายพลอย ที่ถูกจับกุมได้ล่าสุด ให้การว่า บัญชีธนาคารที่ถูกใช้ในการกระทำความผิดในคดีนี้ของตน ตนได้เปิดใช้และไม่ได้ใช้นานแล้ว ไม่ทราบว่า มีใครเอาไปใช้ต่ออย่างไร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนขยายผลให้ถึงผู้จ้างวาน ตัวการที่นำบัญชีไปใช้ และผู้รับผลประโยชน์ของขบวนการนี้ เพื่อให้สามารถปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีขบวนการนี้ได้อย่างเด็ดขาดต่อไป