ปีใหม่มักเป็นช่วงเวลาที่หลายคนเริ่มวางแผนและตั้งเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น ไม่ต่างจาก สองคนขับแกร็บที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนร่วมอาชีพ โดยสามารถพลิกชีวิตที่เคยลำบาก จนมีรายได้มาเลี้ยงดูครอบครัวให้อยู่กันได้อย่างสุขสบาย
O จากคนขับ GrabFood ที่เลื่อนขั้นสู่ GrabCar
"จุมพล กฤษณวรรณ" วัย 47 ปี เริ่มต้นจากการเป็นคนขับรถให้ผู้บริหาร ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นคนขับแกร็บเต็มตัว ด้วยภารกิจในการเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดูอีก 4 ชีวิต คือ พ่อ แม่ ภรรยา และลูกสาว
จุมพล เล่าว่า ตอนแรกผมทำงานเป็นคนขับรถให้ผู้บริหาร แต่พอเจอสถานการณ์โควิด-19 บริษัทลดเงินเดือน ทำให้รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย ผมจึงต้องหาช่องทางใหม่เพื่อสร้างรายได้เสริม เลยลองไปสมัครเป็นคนขับ GrabFood ตอนแรกผมก็ทำงานส่งอาหารควบคู่กับงานเดิม ก่อนจะตัดสินใจขับแกร็บอย่างเต็มตัว เพราะมีรายได้จากแกร็บค่อนข้างดี ในช่วงนั้นและสามารถเลี้ยงดูทุกคนในครอบครัว โดยใช้เวลากว่า 3 ปี 7 เดือนในการสะสมรายได้จากการขับ GrabFood จนสามารถซื้อรถยนต์คันแรกของตัวเองได้สำเร็จ หลังจากนั้น ก็ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางสู่การขับ GrabCar อย่างเต็มตัว โดยให้บริการส่งผู้โดยสารแทนการส่งอาหาร ซึ่งการขับ GrabCar ทำให้ผมอุ่นใจกว่า มีรายได้ดีกว่า และยังได้เรียนรู้การให้บริการลูกค้าที่หลากหลาย ทำให้ได้พัฒนาตัวเองทั้งในด้านการบริการและบุคลิกภาพ เพื่อให้พร้อมเป็นผู้ให้บริการที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น
นอกจากการขับรถ จุมพลยังมักเข้าร่วมกิจกรรมของแกร็บอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมชาเลนจ์ต่างๆ เพื่อชิงรางวัล การสะสมแต้มเพื่อเพิ่มรายได้ และยังเคยได้รับทุนการศึกษา Grab The Future ที่มอบให้กับลูกสาวของเขาอีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้จุมพลรู้สึกซาบซึ้งและภาคภูมิใจมาจนถึงทุกวันนี้
"การให้บริการผ่านแกร็บไม่เพียงแต่ช่วยให้ผมมีรายได้ แต่ยังเป็นโอกาสในการพัฒนาตนเองและสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต" จุมพลทิ้งท้ายพร้อมฝากข้อคิดถึงเพื่อนคนขับร่วมอาชีพว่า "จงเชื่อมั่นว่าทุกคนทำได้ ผมทำได้ คุณก็ทำได้เช่นกัน เพราะแกร็บเปิดโอกาสให้กับทุกคน"
O จากแม่บ้านเต็มเวลา..สู่เจ้าแม่รถหรูหัวหน้าครอบครัว
อีกหนึ่งเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจของคนขับแม่เลี้ยงเดี่ยวหัวใจแกร่ง "กันตา อกนิษฐ์อปราชัย" หรือ เปิ้ล วัย 51 ปี อดีตพนักงานต้อนรับภาคพื้นดินของสายการบิน ที่ผันตัวมาเป็นแม่บ้านเต็มเวลาเพื่อดูแลลูกสาวสองคน จนเมื่อปี 2015 ธุรกิจของสามีเธอประสบปัญหา นำมาสู่ความเครียดที่ทำลายความสัมพันธ์ในครอบครัว จนทำให้เธอต้องยืนหยัดเพียงลำพังเพื่อหารายได้มาเลี้ยงดูลูกทั้งสองคนด้วยตนเอง
เปิ้ล เล่าว่า วันแรกที่มาขับ GrabCar เปิ้ลมีเงินอยู่ในกระเป๋าแค่ 200 บาท จำได้ว่าวันแรกได้เงินกลับหลักพัน รู้สึกดีใจมาก และจุดไฟแห่งความหวังให้กับเรา จนขับมาได้ประมาณ 4 ปี เปิ้ลก็สามารถผ่อนรถจนหมด มีรายได้เลี้ยงครอบครัว และที่สำคัญคือสามารถจัดสรรเวลาทำงานได้ด้วยตัวเอง ทำให้ดูแลลูกๆ ได้อย่างเต็มที่" ด้วยความที่มีใจรักในงานบริการและมีความสามารถด้านภาษา เปิ้ลจึงมีความมั่นใจที่จะให้บริการผ่านแกร็บอย่างต่อเนื่อง จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อแกร็บเปิดให้บริการ GrabCar Luxe จึงได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ด้วยการขายรถคันเดิม พร้อมนำเงินรางวัลจากการเข้าร่วมกิจกรรม GrabStar รายการเรียลลิตีโชว์หาสุดยอดนักขับของแกร็บ รวมกับเงินออมทั้งหมด ทุ่มหมดหน้าตัก ออกรถเบนซ์ป้ายแดง โดยใช้เอกสาร 50 ทวิที่แกร็บออกให้ทุกปีเป็นหลักฐานแสดงรายได้ในการขออนุมัติสินเชื่อ
"ในใจคิดว่าลองยื่นดู ไม่ผ่านก็ค่อยคิดหาหนทางใหม่ แต่ผลปรากฏว่าผ่านการอนุมัติ ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นของการขับ GrabCar Luxe" เปิ้ลยังวางแผนสำรองด้วยการสมัครให้บริการ GrabDriveYourCar และผ่านการสอบข้อเขียน สัมภาษณ์ และปฏิบัติ นอกจากนี้ปัจจุบันเธอยังได้รับคัดเลือกให้เป็นคนขับ GrabExecutive ซึ่งเป็นบริการระดับพรีเมียมที่เพิ่งทดลองเปิดให้บริการเมื่อเร็วๆ นี้อีกด้วย
เปิ้ล ยังได้ฝากข้อคิดถึงเพื่อนๆ คนขับว่า "ความพยายาม" และ "ปัญญา" คือกุญแจสู่ความยั่งยืน ไม่ใช่การบ่นว่า "ต้นทุนชีวิตไม่เท่ากัน" เพราะเธอผ่านมาแล้วในวันที่มีเงินติดตัวเพียง 200 บาทเพื่อเติมน้ำมัน จนวันนี้เธอมีรายได้หลักแสนต่อเดือน ซึ่งนี่คือน้ำพักน้ำแรงและความอดทนที่เธอใช้เวลาเกือบสิบปีกว่าจะประสบความสำเร็จมาถึงวันนี้ได้