กลายเป็นปมร้อนในถิ่น "โอลด์แทรฟฟอร์ด" ภายหลังจากที่ "มาร์คัส แรชฟอร์ด" กองหน้าลูกหม้อของสโมสร "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ทีมดังในศึกพรีเมียร์ลีก ประเทศอังกฤษ หลังมีข่าวว่าเจ้าตัวเตรียมโดนสโมสรปล่อยออกจากทีมในตลาดค้าแข้งเดือน ม.ค.68 หากมีข้อเสนอที่เหมาะสมเข้ามา

นอกจากนั้น ดาวเตะวัย 27 ปีรายนี้ ยังให้สัมภาษณ์หลังถูกตัดชื่อออกจากทีมในเกมที่ "ปีศาจแดง" บุกชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ว่า ตัวเองพร้อมที่จะไปหาความท้าทายใหม่ๆในอาชีพค้าแข้งแล้ว

อีกทั้ง ยังมีกระแสข่าวว่า นักเตะในสโมสรบางราย ไม่ปลื้ม "แรชฟอร์ด" เนื่องจากมองว่าเจ้าตัวพูดเรื่องการย้ายทีมในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม

ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ "แรชฟอร์ด" หมดอนาคตกับปีศาจแดง เป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่ทำให้ดาวเตะรายนี้ต้องเจอบทลงโทษจากสโมสร คือ การที่เจ้าตัวมีอาการป่วยจนไม่สามารถเดินทางไปกับทีมในเกมเอฟเอคัพ 2023-24 รอบสี่ นัดบุกไปชนะ นิวพอร์ต 4-2 แต่กลับมีภาพหลุดที่เจ้าตัวอยู่ในไนต์คลับที่เบลฟาสต์

ทั้งนี้  ไม่ใช่ครั้งแรกที่ "เด็กปั้นจากอคาเดมีผีแดง" ละเมิดวินัย โดยก่อนหน้านี้เคยถูก "เอริก เทน ฮาก" อดีตกุนซือฯ ตำหนิถึงพฤติกรรมกรณีออกไปเที่ยวกลางคืนหลังเกมที่สโมสรแพ้ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ไม่เคยกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีได้อีกเลยจนกระทั่งซีซั่นปัจจุบัน

จากการให้สัมภาษณ์ของ "แรชฟอร์ด" ซึ่งโดน "รูเบน อโมริม" เฮดโค้ชคนปัจจุบัน ถอดชื่อออกจากทีมในเกม "แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้" ที่ "ปีศาจแดง" บุกชนะแมนฯ ซิตี้ คู่ปรับร่วมเมือง 2-1 แถมด้วยไม่มีชื่อในทีม 2 เกมหลังสุด

สถานการณ์ที่อึมครึมครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะทำให้นักเตะรายนี้ถอดใจ กับการค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ต่อไป แม้ อโมริม จะยืนยันว่าอยากจะให้แข้งรายนี้อยู่กับสโมสรต่อ และเขาจะหาทางช่วยให้แรชฟอร์ดกลับมาคืนฟอร์มเก่ง

"แรชฟอร์ด ยังมีโอกาสกลับคืนสนามแต่ต้องดูหลายๆ อย่าง เราต้องรอดูกันต่อไป" อดีตกุนซือสปอร์ติง ลิสบอน กล่าวยืนยัน

ล่าสุด มีรายงานว่า "เซอร์จิม เรตคลิฟฟ์" บิ๊กบริหารของสโมสร "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" จะปล่อยให้ "รูเบน อโมริม" กุนซือของทีม จัดการเรื่องอนาคตของ "มาร์คัส แรชฟอร์ด" กองหน้าลูกหม้อโดยไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว

"เรดคลิฟฟ" ซึ่งดูแลฝ่ายปฏิบัติการฟุตบอลของสโมสรในเวลานี้ จะไม่เข้ามากดดัน อโมริม ให้เลือกหรือไม่เลือกดาวยิงชาวผู้ดีติดทีม แม้ประเด็นดังกล่าวยังคงกลายเป็นหัวข่าวให้สื่ออังกฤษนำไปละเลงอย่างสนุก

มีกระแสข่าวว่า ตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคมเตรียมจะเปิดขึ้นในสัปดาห์หน้า แมนฯยูฯ อยากได้เงินราว 40 ล้านปอนด์ แลกกับลายเซ็นหัวหอกวัย 27 ปี

อย่างไรก็ตาม  ประเด็นเรื่องค่าเหนื่อยที่แพงระยับของ แรชฟอร์ด น่าจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการย้ายสังกัดหากสุดท้ายแล้ว แมนยู เลือกจะปล่อยเจ้าตัวออกไป

"แรชฟอร์ด" มีสถิติลงสนาม 426 นัดทุกรายการ ทำได้ 138 ประตู  โดยซีซั่น 2022-23 ถือเป็นปีทองของแรชฟอร์ด เนื่องจากทำไปถึง 30 ประตูกับ 9 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 56 นัด ทุกรายการ แม้จะไม่ได้เล่นเป็นตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า จน ซิวตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรไปครอง

กระทั่ง ปีถัดมาฟอร์มของ แรชฟอร์ด ตกลงแบบน่าใจหาย ทำได้เพียง 8 ประตูกับ 5 แอสซิสต์ จาก 43 นัด จนหลุดโผทีมชาติอังกฤษชุดยูโร 2024

เส้นทางสายลูกหนังของ แรชฟอร์ด เริ่มต้นตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบ กับสโมสรเยาวชน เฟล็ทเชอร์ มอสส์ เรนเจอร์ส ทีมฟุตบอลระดับเยาวชนของท้องถิ่น ที่เคยปั้นนักเตะให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแล้วหลายราย ไม่ว่าจะเป็น เวส บราวน์, แดนนี เวลเบ็ค รวมถึง เจสซี ลินการ์ด

แรชฟอร์ด เริ่มเล่นฟุตบอลในตำแหน่ง ผู้รักษาประตู ในปีแรกกับทีม โดยไอดอลในวัยเด็กของเขาคือ ทิม ฮาวเวิร์ด อดีตนายทวารชาวสหรัฐอเมริกาของ ปีศาจแดง อย่างไรก็ตาม เขาได้เปลี่ยนมาเล่นในตำแหน่ง กองหน้า ในปีต่อมา ก่อนที่เขาจะตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมเยาวชนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2005 ด้วยวัยเพียง 7 ขวบเท่านั้น ท่ามกลางความสนใจจาก เอฟเวอร์ตัน และ ลิเวอร์พูล โดยเขาได้ยกเครดิตให้กับพี่ชายของเขา ที่ช่วยให้เขาตัดสินใจเลือกย้ายซบชายคา โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในเวลานั้น

หลังจากนั้น เขาก็ได้ลงเล่นให้กับทีมชุดเยาวชนของสโมสรอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลายาวนานกว่า 10 ปี จนกระทั่ง แรชฟอร์ด ในวัย 18 ปี ได้มีชื่อติดทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2015 ในศึกพรีเมียร์ลีก ที่ แมนฯยูฯ เอาชนะ วัตฟอร์ด 2-1 ในยุคที่พวกเขามี หลุยส์ ฟาน กัล เป็นกุนซือ