คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ/ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย
คำถามแรกๆที่ใครๆก็สงสัยอยากจะรู้และอยากจะทราบกันก็คือคำถามที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ที่มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก กับ “มหาเศรษฐีอีลอน มัสก์” ที่ได้รับการจัดอันดับว่าร่ำรวยที่สุดในโลก เขาทั้งสองโคจรพบมาพบเจอกันได้อย่างไร? และเมื่อไหร่? และเขาทั้งสองจะเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันได้อย่างยั่งยืนยาวนานเท่าใด? หรือมิเช่นนั้นความสัมพันธ์อันดีของเขาทั้งสองจะมีแค่เพียงไม่นานชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น!!!
แท้ที่จริงแล้วที่ผ่านๆมาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กับอีลอน มัสก์ ก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการเมืองหรือทิศทางของโลก โดยต่างคนต่างก็ออกมากล่าวโจมตีเกทับบลัฟแหลกขิงเข้าใส่กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิถีทางด้านความคิดและด้านจุดยืนเรื่องการเมือง (ข้อมูลจาก Business Insider December 4, 2024: Elon Musk hasn’t always been Trump’s “first buddy”)
และที่ผ่านๆมาโดยปกติแล้ว อีลอน มัสก์ มักจะเรียกขานประธานาธิบดีทรัมป์ด้วยคำพูดเชิงประชดประชันด้วยวลีที่เจ็บๆแสบๆหยาบคายส่อเสียดเสียๆหายๆและมักจะพูดถึงประธานาธิบดีทรัมป์ในทำนองที่ว่า “สมควรจะปล่อยให้ประธานาธิบดีทรัมป์บริหารประเทศไปตามยถากรรม”เช่น อิลอน มัสก์ เคยออกมากล่าวยืนยันว่า “การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องจริง” ที่แสนจะแตกต่างไปจากจุดยืนและความคิดเห็นของประธานาธิบดีทรัมป์อย่างสิ้นเชิง
โดยเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ปีค.ศ.2020 ซึ่งเป็นสมัยแรกที่ประธานาธิบดีทรัมป์เข้าไปบริหารสหรัฐฯ และเขาได้เพียรพยายามที่จะผลักดันให้สหรัฐฯถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสอย่างเป็นทางการ ทั้งๆที่มีประเทศต่างๆเข้าร่วมเป็นสมาชิกถึง 196 ประเทศ ที่ต่างก็ร่วมกันเซ็นต์สัญญาตกลงตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อผลประโยชน์ของมวลมนุษยชาติบนโลกใบนี้!!!
และเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2017 อีลอน มัสก์ ก็ได้โพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์ว่า “การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสไม่เป็นผลดีต่อสหรัฐอเมริกา และต่อโลกเลยแม้แต่น้อย”
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อปี 2022 หลังจากที่ อีลอน มัสก์ ซื้อ“ทวิตเตอร์” สื่อสารสนเทศที่แสนจะมีอิทธิพลสูงทั้งต่อชาวอเมริกันและชาวโลกในโลกโซเชียล ดูเหมือนว่าเขาจะเปิดใจกว้างมากขึ้นและเริ่มที่จะเข้าไปสนับสนุนนโยบายของพรรครีพับลิกัน
และเมื่อปี 2022 ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งกลางสมัยของสภาคองเกรส อีลอน มัสก์ ก็ได้โพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์ เรียกร้องให้คนอเมริกันไปเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรสที่มาจากพรรครีพับลิกัน เพื่อจะให้พรรครีพับลิกันมีเสียงข้างมากกว่าพรรคเดโมแครต ซึ่งการออกมาโพสต์ข้อความเชิญชวนของเขาในครั้งนั้นมีชาวอเมริกันเข้าไปอ่านมากกว่า 100 ล้านคน จนมีผลทำให้การเลือกตั้งกลางสมัยเมื่อปีค.ศ. 2022 พรรครีพับลิกันได้รับชัยชนะและสามารถเข้าไปนั่งครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯติดต่อกันเป็นเวลาสองปี จนทำให้นโยบายของประธานาธิบดีโจ ไบเดนกลับชะงักงันไม่สามารถผ่านกฎหมายสำคัญๆได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิรูปอิมมิเกรชั่นที่ประธานาธิบดีทรัมป์หยิบยกเอามาเป็นนโยบายชูธงใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดปี 2024 นี้!!!
ต่อจากนั้น อีลอน มัสก์ ได้เริ่มกล่าววิพากษ์วิจารณ์ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ปล่อยให้ชาวต่างชาติจำนวนมหาศาลเดินทางอพยพไหลทะลักเข้าสู่สหรัฐฯตามเขตพรมแดนระหว่างสหรัฐฯกับเม็กซิโก
ในประเด็นที่ชาวต่างชาติทะลักข้ามชายแดนเข้าสู่สหรัฐอเมริกานั้น อีลอน มัสก์ ออกมากล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวลมากยิ่งๆขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากชาวต่างชาติที่อพยพเข้ามาในสหรัฐอเมริกาคุกคามต่อชีวิตประจำวันของชาวอเมริกัน อีกทั้งมัสก์ยังกล่าววิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองค่ายพรรคเดโมแครตว่า ชักจูงให้ผู้อพยพเข้ามาสหรัฐฯผ่านทางชายแดนอย่างผิดกฎหมาย แถมเขายังกล่าวโจมตีในทำนองที่ว่าการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยอมปล่อยให้ชาวต่างชาติเข้าสหรัฐฯมากเกินไปจนแทบจะควบคุมไม่ได้นั้น ถือเป็นการทรยศต่อประเทศชาติ (New York Times: 5 March 2024: Donald Trump, Seeking Cash”)
นอกจากนั้นแล้ว มัสก์ยังได้กล่าวถึงความในใจที่เขามีต่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในเรื่องที่ว่า เพราะเหตุใดและทำไม? เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2021 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มิยอมเชิญตัวแทนของบริษัท “Tesla” ที่เขาดำรงตำแหน่งซีอีโอ ไปร่วมในการประชุมใหญ่เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ณ ทำเนียบขาว
อย่างไรก็ตามในช่วงที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ลงแข่งขันในสมัยที่สองนั้น ปรากฏว่าเขาเกิดอาการสะดุดติดขัดเกี่ยวกับเงินที่จะนำไปใช้ในการหาเสียง ซึ่งเขาตระหนักดีว่า หากไม่สามารถหาเงินบริจาคจากผู้สนับสนุนอู้จี๊รายใหญ่ๆได้ ความฝันที่จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2024 อีกครั้งคราหนึ่ง ก็คงจะไปไม่ถึงดวงดาวอย่างแน่นอน
ดังนั้นความหวังของประธานาธิบดีทรัมป์ จึงมุ่งไปที่ว่า จะทำอย่างไรที่จะให้ อีลอน มัสก์ ยอมควักกระเป๋าเป็นพ่อยกบริจาคเงินรายใหญ่ ซึ่งทางออกที่เขาคิดได้อยู่ที่ เขาจะต้องหาทางพบปะพูดคุยกับอีลอน มัสก์ เป็นการส่วนตัว (ข้อมูลจาก New York Times: “Donald Trump, Seeking Cash Infusion, Meets With Elon Musk,”เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2024)
และจากรายงานพิเศษของ “หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์” ในช่วงดังกล่าวได้ออกมาเปิดเผยว่า ในอดีตที่ผ่านๆมา อีลอน มัสก์ ไม่ค่อยยอมควักกระเป๋าบริจาคเงินสนับสนุนต่อบรรดานักการเมืองมากเท่าใดนัก โดยที่ผ่านๆมาเขามักจะวางตัวเป็นกลางไม่เอนเอียงไปพรรคหนึ่งพรรคใด เพราะเขาเกรงว่า การเข้าไปใกล้ชิดพัวพันกับค่ายพรรคหนึ่งพรรคใดจนเกินไป จะนำมาซึ่งความกระทบกระเทือนต่อแวดวงธุรกิจของเขานั่นเอง!!!
โดยที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ ตั้งใจที่จะสนับสนุน “ผู้ว่าฯรอน เดอแซนติส” ให้เข้าไปแข่งขันเลือกตั้งในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 47 มากกว่าจะสนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ด้วยซ้ำไป
แต่ท้ายที่สุดแล้ว อีลอน มัสก์ ก็ตัดสินใจที่จะบริจาคเงินที่จะนำไปใช้ในการหาเสียงให้แก่ประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเขาบริจาคเริ่มต้นประเดิมด้วยเม็ดเงินจำนวน 15 ล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 และต่อมาเขาได้ควักกระเป๋าบริจาคเพิ่มเติมอีก 30 ล้านดอลลาร์ในเดือนต่อมา ซึ่งเป็นช่วงที่ “รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส” ก้าวเข้าไปรับช่วงต่อจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม
นอกจากนั้นแล้ว เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2024 อีลอน มัสก์ เปิดฉากปรากฏตัวออกมาช่วยวิ่งรอกหาเสียงให้แก่ประธานาธิบดีทรัมป์ จนกลายเป็นข่าวครึกโครมในทันที และเมื่อครั้งที่อีลอน มัสก์ ขึ้นกล่าวคำปราศรัยช่วยหาเสียงร่วมกับประธานาธิบดีทรัมป์ เขาได้เอ่ยปากกล่าวโจมตีพรรคเดโมแครตอย่างรุนแรงเกี่ยวกับนโยบายของประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่ยอมปล่อยให้ผู้อพยพเข้ามาสู่สหรัฐฯเป็นจำนวนมหาศาล
แถมเขายังใจป้ำบริจาคเงินให้กับประธานาธิบดีทรัมป์ เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนยอดบริจาคล่าสุดพุ่งสูงขึ้นถึง 277 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นผู้บริจาคให้กับนักการเมืองรายใหญ่ที่สุด อีกทั้งการที่เขาเข้าไปเป็นพ่อยกสนับสนุนต่อประธานาธิบดีทรัมป์ ยังถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลทำให้คะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนได้รับชัยชนะไปในที่สุด
ทั้งนี้การสนับสนุนทั้งเวลา ทั้งเม็ดเงิน และทั้งการวิ่งรอกช่วยหาเสียงให้แก่ประธานาธิบดีทรัมป์ของอีลอน มัสก์ ในครั้งนี้ มีผลทำให้เขาทั้งสองมีความสนิทสนมและมีความเป็นพันธมิตรอันดีต่อกันมากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆอีกด้วย จนที่สุดในคืนที่วันเลือกตั้งเสร็จสิ้นลงเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 อีลอน มัสก์ ได้ไปปรากฏตัว ณ รีสอร์ทของประธานาธิบดีทรัมป์ ในรัฐฟลอริดา
และต่อมายังปรากฏให้เห็นอีกว่า หลังจากวันที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับชัยชนะ มูลค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของอีลอน มัสก์ ได้พุ่งสูงขึ้นถึง 20 พันล้านดอลลาร์เลยทีเดียว!!!
กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นการที่ “อีลอน มัสก์” สร้างสัมพันธ์ด้วยการเป็นพันธมิตรอันดีทั้งทางด้านการเมืองและด้านธุรกิจกับ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” อาจจะเป็นเพราะทั้งคู่ต่างหวังต้องการจะพึ่งพาซึ่งกันและกัน อีกทั้งการที่ ประธานาธิบดีทรัมป์ แต่งตั้งมอบอำนาจให้ อีลอน มัสก์ เป็นผู้ดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างของกระทรวงทั้ง 15 กระทรวง เพื่อให้มีประสิทธิภาพและเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายของภาครัฐให้ลดน้อยลง ให้ทันวันเฉลิมฉลองครบรอบ 250 ปีของสหรัฐฯในวันที่ 4 กรกฎาคม 2027 ดูเหมือนว่าขณะนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองยังอยู่ในช่วงฮันนีมูนข้าวใหม่ปลามัน แต่ในภายภาคหน้าความรักความชื่นชมอันหอมหวานของเขาทั้งสองจะยังคงมีความยั่งยืน หรือไม่นั้น หรือว่าจะเป็นแค่เพียงความสัมพันธ์ฉาบฉวยชั่วครั้งชั่วคราวแล้วต้องผิดใจหยุดชะงักลง เราก็คงจะต้องจับตารอดูกันต่อๆไปละครับ