วันที่ 26 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นคุณสมบัติของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หมวด 5 ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ได้กำหนดลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ไว้ในมาตรา 50 บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง (12) เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ
กรณีมีข้าราชการระดับสูง นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ลาออกจากอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร มาลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลาเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 แต่ยังมิได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้พ้นจากตำแหน่ง จะก่อให้เกิดปัญหาทางข้อกฎหมายหรือไม่ เพราะมีกฎหมายได้กำหนดไว้ ดังนี้
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร พ.ศ. 2560 มาตรา 180 พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตั้งข้าราชการฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือนตำแหน่งปลัดกระทรวง อธิบดี และเทียบเท่า และทรงให้พ้นจากตำแหน่ง เว้นแต่กรณีที่พ้นจากตำแหน่งเพราะความตาย เกษียณอายุ หรือพ้นจากราชการเพราะถูกลงโทษ
และประกอบกับ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 113 การออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ ผู้ดำรงตำแหนงที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้นำความกราบบังคมทูล เพื่อมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่งนับแต่วันออกจากราชการ เว้นแต่ออกจากราชการเพราะความตาย ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบ
จึงเป็นข้อคำถามว่า การที่ผู้สมัครไปรับเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2567 โดยที่ยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้พ้นจากตำแหน่ง ถือว่า ผู้สมัครมีลักษณะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 50 (12) หรือไม่
คำถามที่ 2 การที่ผู้สมัครเป็นข้าราชการระดับสูง (อธิบดี) ย่อมรู้ถึงข้อกฎหมาย ระเบียบ และพระราชอำนาจ ราชประเพณีต่างๆ การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจหรือไม่
ทั้งนี้กฎหมายลำดับรองจะขัดหรือแย้งกับกฎหมายรัฐธรรมนูญไม่ได้
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ นายสุพิศ ได้ยืนยันถึงการลาออกจากราชการของตนเองได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอนและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยได้ปฏิบัติตามระเบียบของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่าด้วยการลาออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญทุกประการ