สระบุรียังไม่จบเจ้าของปั๊มเข้าแจ้งความถูกหลานๆยักยอกทรัพย์และบุกรุกเข้าทำร้ายร่างกายจนเขียวช้ำ

วันที่ 25 ธันวาคม 2567 จากกรณีที่เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางเปรมจิต อายุ 80 ปี ว่าตนเองได้เปิดสถานีบริการน้ำมัน  ที่ กม.100 ริมถนนพหลโยธินขาเข้ากรุงเทพฯ จากนั้นได้ขยายกิจการโดยซื้อที่เพื่อขยายกิจการติดกับปั๊มน้ำมันเก่า โดยการซื้อที่นั้นได้ใช้ชื่อของลูกชาย นายสิทธิโชค (หนุ่ม) และหลานๆอีกจำนวน 3 คน หลานสาวอีกคน ซึ่งเป็นลูกของนายหนุ่มเป็นคนซื้อที่โดยตนเองเป็นผู้จ่ายเงินในการซื้อที่ในราคา 65 ล้านบาท เนื่องจากว่าเจ้าของที่ไม่ยอมขายให้ตนเอง จึงได้ให้ลูกชายและหลานๆเป็นคนซื้อที่ เนื่องจากคิดว่าลูกและหลานๆก็ไม่น่าจะโกงตนเอง และเปิดสถานีบริการน้ำมันแห่งใหม่ซึ่งติดอยู่กับที่เดิม  โดยให้หลานๆเป็นผู้ดูแลควบคุมการเงิน ส่วนตนเองก็อยู่ด้วยช่วยกันดูแล โดยได้กู้เงินจากธนาคารมา 100 กว่าล้านมาขยายกิจการ ซึ่งใช้เวลา 6 ปีจนสามารถส่งเงินที่กู้จากธนาคารมาจนหมด

จากนั้นเมื่อตนเห็นว่าหลานๆไม่ค่อยใส่ใจในการบริหารปั๊ม เอาแต่เที่ยวแตร ขับรถแข่ง เอาเงินที่ขายน้ำมันได้ไปใช้จ่ายจนหมดและคิดที่จะยึดครองปั๊มของตนเองโดยจะไม่ยอมให้ตนเองเข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องเงินไดๆทั้งสิน ตนเองจึงคิดว่าต่อไปก็คงจะเจ๊งหมดแน่ๆ ซึ่งในระยะ 7-8 ปีที่ผ่านมาเงินหายไปจากระบบหลายสิบล้านบาท โดยการยักยอกเงิน จนน้ำมันไม่มีขาย ของไม่มีขายเป็นหนี้เขาทั่วไปหมด โดยการไปเก็บเงินในร้านกาแฟอเมซอน และร้านต่างๆที่เป็นกิจการของทางปั๊ม ตนเองจึงได้ให้ลูกน้องเอาบัญชีมาดูจึงได้รู้ว่าเงินทุนสำรองภายในปั๊มแทบจะไม่เหลือ พร้อมเอาเงินที่มีการสแกนจ่ายคิวอาร์โค๊ด ไปใช้จ่ายจนหมด บางครั้งเมื่อตนเองไปเก็บเงินตามร้านค้าภายในปั๊มมาก็จะให้ รปภ.เข้าไปแย่งถุงเงินไปตอนนี้ตนเองได้ฟ้องศาลแล้วเพื่อที่จะขออำนาจศาลนำปั๊มกลับคืนมา เนื่องจากว่าที่ผ่านๆมาตนเองไมมีสิทธิ์ในการบริหารปั๊มแต่อย่างได เนื่องจากว่าหลานๆของตนเองได้จ้าง รปภ.มาคอยติดตามตนเองโดยตลอดไม่ว่าตนเองจะเดินไปไหมหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องการเงินไดๆก็ไม่ได้ โดยอ้างว่าที่จ้าง รปภ.เพื่อเข้ามาคุ้มครองตนเองและคอยดูแลของของเขาภายในปั๊มเนื่องจากกลัวว่าตนเองจะไปทุบทำลายของๆเขา ซึ่งของๆทั้งหมดก็เป็นของตนเองและคอยข่มขู่พนักงานเติมน้ำมันเมื่อลูกค้าเติมน้ำมันแล้วให้นำเงินมาใส่ในกล่องไว้อย่างเดียวโดย รปภ.จะคอยคุมกล่องเงินไว้และนำไปส่งให้กับหลานชายตนเอง ซึ่งตนเองไม่สามารถที่จะยุ่งเกี่ยวไดๆได้เลย ตอนนี้ตนเองอยากจะได้ปั๊มน้ำมันกลับคืนมาบริหารเองจึงได้ไปฟ้องศาลไว้ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้นางเปรมจิต (ป้าเปรม) อายุ 80 ปี ได้พาพนักงานภายในออฟฟิตกว่า 10 คนพร้อมด้วยทนายความเดินทางมายัง สภ.เมืองสระบุรี โดยนำคลิปวีดีโอมอบให้เจ้าหน้าที่เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับหลานๆทั้ง 4 คนในข้อหายักยอกทรัพย์ และบุกรุกพื้นที่ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บมีรอยเขียวช้ำตามร่างกาย โดยป้าเปรม เล่าว่าเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนเองได้พบว่ามีรถกระบะอีซูซุ D-MAX สีดำ หมายเลขทะเบียน กฉ xxx สระบุรี เป็นชื่อนายหนึ่ง เป็นผู้ครอบครอง ซึ่งจอดอยู่ภายในอู่ภายในบริเวณปั๊ม ตนเองจึงได้ทำการตรวจสอบรถคันดังกล่าวถูกดัดแปลงเป็นสีดำและเลขของตัวรถก็ไม่ตรงกับเล่มทะเบียนที่จดไว้ ตนเองจึงได้ให้ลูกน้องนำรถเข้ามาจอดภายในบริเวณข้างออฟฟิต และแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบเนื่องจากว่าตนเองกลัวว่าจะมีรถที่ถูกปลอมแปลงและผิดกฎหมายอยู่ภายในปั๊ม(พื้นที่ของตนเอง) จากนั้นนายหนึ่ง(หลานชาย)ได้พาลูกน้องเข้ามาและบอกว่ารถคันดังกล่าวเป็นของตนเองพร้อมขับรถโฟล์คลิฟท์ เข้ามาเพื่อที่จะยกรถออกไป แต่ตนเองไม่ยอมเนื่องจากตนเองอยากให้เจ้าหน้าที่นำรถไปตรวจสอบ จากนั้นจึงได้เกิดการถกเถียงกัน

โดยป้าเปรม บอกว่าหลายชายยังจะขับรถโฟล์คลิฟท์ ชนตนเองด้วยจนพนักงานเข้ามาช่วยกันห้าม ป้าเปรมยังเล่าอีกว่าขณะที่เจ้าหน้าที่สายตรวจเข้ามา 2 นายก็ไม่ได้ทำอะไรเลยเพียงเข้ามายืนดูเฉยๆทั้งๆที่ตนเองเกือบถูกหลานชายขับรถชน และลูกน้องของหลานชายเกือบจะทำร้ายตนเอง แต่เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นายมายืนดูและก็ขับรถกลับไป หลังจากนั้นช่วงเวลา 4 โมงเย็นกว่านายหนึ่ง(หลานชาย)พร้อมด้วยนายเอ็กซ์(ผู้จัดการปั๊ม)ได้พากันบุกเข้ามาภายในออฟฟิตของตนเอง ซึ่งมีพนักงานนั่งทำงานกันอยู่นับสิบคน และเมื่อตนเองเห็นก็ตกใจว่าบุกรุกเข้ามาทำไมในพื้นที่ของตนเองตนเองจึงได้เข้าไปในห้องพักของตนและหยิบเอาที่ช็อกไฟฟ้ามาไว้ป้องกันตัว และเข้าไปขับไล่ให้ทั้ง 2 คนออกไป แต่กลับถูกนายเอ็กซ์(ที่เป็นลูกน้องของหลาน)เข้ามาจับบีบที่แขนทั้ง 2ข้างเพื่อหันตัวเครื่องช็อกไฟฟ้าให้ช็อกตนเองจนทำให้แขนทั้ง 2 ข้างของตนเองเกิดร่องรอยเขียวช้ำ

ส่วนเรื่องข้อหายักยอกทรัพย์นั้นตนเองได้ให้พนักงานตรวจสอบบัญชีพบว่าระยะ 4-5 เดือนที่ผ่านมาได้มีเงินหายจากบัญชีไป 1 ล้าน 7 แสนกว่าบาทในบัญชีเดียว ซึ่งเงินทั้งหมดที่เอาไปเป็นเงินที่ลูกค้าจ่ายใน คิวอาร์โค๊ต และเงินสด เพื่อที่จะนำไปเข้าในบัญชีน้ำมัน ก็มีการยักยอกไปโดยที่ตนเองไม่รู้และมารู้ในภายหลัง ซึ่งก็ยังมีเงินอีกจำนวนมากที่หายไปขณะนี้กำลังให้พนักงานตรวจสอบอยู่เนื่องจากว่าบัญชีภายในบริษัทยังมีอยู่อีกหลายบัญชี ซึ่งคาดว่ายังมีเงินหายไปอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนเองเชื่อว่าหลานๆของตนเองมีนายหนึ่ง นายนาน นางสาวนุ้ย และนายพัด(สามีนางสาวนุ้ย)ร่วมกันยักยอกทรัพย์ของตนเองและถ้าตรวจสอบพบว่าเส้นทางการเงินไปยู่ที่ไครตนเองก็จะฟ้องทั้งหมด ตนเองจึงได้มาแจ้งความไว้ก่อนเกรงว่าจะหมดอายุความ

ทางด้านนายศรายุทธ ฟอพิมาย ทนายความ เผยว่าวันนี้ตนเองได้รับมอบอำนาจมาจากนายเกรียงศักดิ์ ดีสูงเนิน (ทนายความ)ได้พาป้าเปรม มาแจ้งความเรื่องยักยอกทรัพย์ของป้าที่เป็นการบริหารกิจการ ปั๊ม ปตท. และเรื่องที่มีการทำร้ายร่างกาย และทำการบุกรุกเข้าไปในที่ทำงานของป้าเปรม