“ลุงสนธิ”บุกทวงถามยกเลิก”เอ็มโอยู44” หวั่นไทยเพรี้ยงพร้ำนำไปสู้ศาลโลก ลั่นหากไม่มีความชัดเจน ปี68 เจาะบุก “รัฐสภา-กต.-ทร.” ด้าน”นายกฯ”ยันไม่ละเลยเอ็มโอยู44 ต้องรอบคอบหวั่นไทยเสียเปรียบ ระบุรัฐบาลไฟเขียวแจกเงิน1หมื่นเฟส2 เดือนมกราฯ ส่วนเฟส3 ย้ำชัดแจกไตรมาส2ปีหน้าแน่นอน รองนายกฯ ขณะที่'ทักษิณ' ยันรัฐบาลไม่ยุบสภา การันตีครบเทอมแน่นอน
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.67 นายสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมด้วย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลชน เดินทางมาที่ สนง.กพ. ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล เพื่อทวงถามคำตอบจากการยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณียกเลิก MOU 2544 และJC 2544 ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ของราชอาณาจักรไทย
โดยได้ครบกำหนด 15 วันแล้ว ทางคณะรัฐมนตรียังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการตามที่ได้ร้องขอตามหนังสือที่อ้าง แต่ท่านกลับนิ่งเฉยและไม่ปรากฏคำสัมภาษณ์ว่าจะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีหรือจัดให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่ตอบรับใดๆ ว่าจะจัดให้มีเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ในการตัดสินใจในปัญหาสำคัญของประเทศ ตามคำร้องขอในหนังสือตามที่อ้างถึง ซึ่งเป็นการกระทำที่สวนทางและขัดแย้งกับที่ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมจะพูดคุยกับข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน
ดังนั้นมวลหมู่ประชาชนจึงเห็นว่า หากท่านและคณะรัฐมนตรียังคงนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้องจนอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย ถือว่าท่านและคณะรัฐมนตรีได้กระทำการอันเป็นการตระเตรียมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดที่จะทำให้ราชอาณาจักรไทย หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรไทยต้องไปอยู่ในอธิปไตยของรัฐต่างประเทศหรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป
รวมทั้งเห็นว่าทางนายกฯ และคณะรัฐมนตรี มีพฤติการณ์บางประการที่ทำให้เห็นว่าได้ตระเตรียมการเพื่อคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาด้วยความประสงค์ที่จะเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย อันอาจเป็นการกระทำความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา119 และมาตรา120 ประกอบกับมาตรา128 และมาตรา129 ตามที่อ้างถึง ซึ่งมวลหมู่ประชาชนจะได้ดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายและตามที่เห็นสมควรเพื่อปกป้องอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยต่อไป
จากนั้น นายสนธิ นายปานเทพ และแกนนำ ได้ยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้ากรณีขอให้รัฐบาลยกเลิก MOU 44 และ JC 44 เนื่องจากขัดหรือแย้งต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติกฎหมาย สุ่มเสี่ยงต่อการเสียเอกราชธิปไตย โดยมี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกเป็นตัวแทนรับหนังสือ
นายสนธิ กล่าวว่า การมาวันนี้เพราะไม่ยอมรับคำตอบของรัฐบาล ที่ตอบมาแบบง่ายๆ จากนี้จะรอให้ได้คำตอบ การเดินทางของกลุ่มมวลชนจะมีต่อไปจะเรียกร้องทุกเรื่องที่เกี่ยวกับชาติบ้านเมือง ด้วยมูลนิธิยามเฝ้าชาติบ้านเมือง และมีแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีต สว. และนายคมสัน โพธิ์คง ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายปกครอง ขับเคลื่อน การก่อตั้งมูลนิธิยามเฝ้าชาติบ้านเมือง จะเรียกร้องไม่ใช่เพียง MOU44 เท่านั้น เพราะมีหลายประเด็นที่เหมือนเอาเท้าขยี้กฎหมาย เช่น ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ปัญหาเขากระโดง และปัญหาต่างด้าว โดยมีพรรคประชาชนชักศึกเข้าบ้าน
ด้าน นายปานเทพ กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ตนได้ถามไปว่า ข้อแรกถ้าไม่มี MOU 2544 การเจรจาระหว่างไทยกับกัมพูชา จะเป็นไปตามกฎหมายทะเลสากล ที่ระบุว่าถ้าไม่มีเส้นเขตแดนอื่นให้ใช้เส้นมัธยะหรือเส้นกลางเท่านั้น คือ เส้นที่เป็นไปตามพระบรมราชโองการ ในสมัยรัชกาลที่ 9 ปี 2516 ข้อสองคือ ที่รัฐบาลบอกว่ายังเป็นแค่กรอบการเจรจา แล้วพื้นที่พัฒนาร่วมตาม MOU 2544 ทำไมตกลงพื้นที่กันแล้ว รวมพื้นที่ 16,000 ตารางกิโลเมตร จะยุติเรื่องผลประโยชน์กันแล้วทั้ง ๆ ที่ตรงนั้นมีพื้นที่ไหล่ทวีปของประเทศไทยอยู่ไปแบ่ง ให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาได้อย่างไร เพราะแท้จริงพื้นที่ตรงนั้นเป็นของประเทศไทย
เมื่อถามว่า สุดท้ายแล้วได้คำตอบกลับมาว่าอย่างไร นายปานเทพ กล่าวว่า ที่ตนได้รับหนังสือตอบกลับมานั้นไม่ตรงคำถาม ให้รัฐบาลตอบกลับมาให้ตรงคำถาม หากกระทำความผิด ตนจะไปดำเนินคดีความต่อเอง วันนี้ได้รับคำตอบแค่ว่าเขารับรู้ว่าเราไม่เห็นด้วย นายกรัฐมนตรีเคยบอกว่า พร้อมจะพูดคุยกับนายสนธิ แต่เมื่อถึงเวลาบอกว่าเวทีสาธารณไม่ต้องเพราะมีศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์อยู่แล้ว ตกลงนายกนอกจากอ่านภาษาไทยไม่รู้เรื่องแล้ว ท่านยังจำความสั้นหรือเปล่า
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นหนังสือทวงความคืบหน้ากรณีขอให้ยกเลิกเอ็มโอยู 44 ว่า เรื่องนี้มีการพูดคุยกันอยู่ในรายละเอียดระหว่างกระทรวงต่างๆ และคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ยืนยันเรื่องนี้ไม่ได้ปล่อยผ่าน ยังมีการพูดคุยและความเห็นที่หลากหลายไม่ตรงกันในหลายเรื่อง ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องพูดคุยในรายละเอียดให้ชัดเจน โดยเราพยายามรับฟังทุกฝ่ายให้มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมรัฐบาลไม่เปิดเวทีสาธารณะเหมือนในเรื่องนี้เหมือนที่นายสนธิเสนอ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เวลาที่เป็นเรื่องระหว่างประเทศแล้วเรามาสัมภาษณ์กันแบบนี้มันก็ไม่ได้เป็นข้อที่ได้เปรียบสำหรับประเทศ ฉะนั้นบางเรื่องเป็นรายละเอียดที่ยังเปิดเผยไม่ได้ และมีความสำคัญมากขอให้ประชาชนสบายใจในเรื่องนี้ว่าเราไม่ได้นิ่งนอนใจและปรึกษากันกับกระทรวงการต่างประเทศในหัวข้อนี้อยู่ตลอด รวมถึงคนที่เกี่ยวข้องก็ได้พูดคุยกันในเรื่องนี้อย่างละเอียด เพราะเป็นเรื่องที่อ่อนไหวต้องใช้ความรอบคอบ
เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรให้คนที่เห็นต่างยุติการชุมนุมไม่ลงถนน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เรื่องนี้มีความละเอียดอ่อนมาก เป็นเรื่องระหว่างประเทศ และการพูดคุยเรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติ เราไม่สามารถแถลงออกมาได้ก่อนที่จะไปคุยกับต่างประเทศเพราะจะทำให้เราเสียเปรียบ ยืนยันเรื่องนี้ไม่ได้ปล่อยผ่านจะให้รายละเอียดให้ได้มากที่สุด โดยต้นปีหน้าจะมีรายละเอียดเพิ่มเติม
เมื่อถามต่อว่า ในฐานะที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ สนิทกับทางกัมพูชา นายทักษิณช่วยเหลือประเด็นนี้อย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เรื่องนี้เราต้องพูดคุยกันก่อนในประเทศ ยังไม่ได้คุยในรายละเอียดของต่างประเทศแต่เราก็มมีข้อมูลของแต่ละประเทศอยู่แล้ว
น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์อีกครั้งภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านผู้สูงอายุเพื่อบรรเทาค่าครองชีพ มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็น ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นทางรัฐ เป็นผู้มีสัญชาติไทย มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จะจ่ายเงินแก่กลุ่มเป้าหมาย 10,000 บาท จะเร่งจ่ายภายในเดือน ม.ค.68 ผ่านบัญชีพร้อมเพย์
“สำหรับการแจกเงินหมื่นเฟส 3 นั้น จะดำเนินการในไตรมาส2 ปี68 ก็คิดว่าน่าจะเป็นความชัดเจนตรงนี้ ส่วนรายละเอียดของผู้ที่ลงทะเบียนที่ได้สิทธินั้น ให้ถามกระทรวงการคลัง”
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวโผผู้ว่าราชการจังหวัดจะเข้าที่ประชุม ครม. ว่า “เข้าครับ กระทรวงมหาดไทยเสนอไปตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.แล้ว ส่วนกระแสข่าวก่อนหน้านี้ฝ่ายการเมืองตกลงกันไม่ได้นั้น ตนยืนยันว่าไม่มี เป็นอำนาจของปลัดกระทรวงมหาดไทย และนำเสนอมายังรมว.มหาดไทย
“ย้ำว่าไม่มีเรื่องนี้ เพราะต้องรอการโยกย้าย รวมถึงพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้รับตำแหน่ง ถึงจะมาในรอบแต่งตั้งได้ ซึ่งเมื่อมีการโปรดเกล้าฯ มาตอนปลายเดือนพ.ย. ก็มีการสอบและเข้าสู่ขั้นตอนการเสนอชื่อ ไม่ได้ช้า หรือเกี่ยวกับการตกลงใดๆ การแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 ต้องรอขั้นตอน ทุกกระทรวงเป็นเหมือนกันหมด”
ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสข่าวว่าล่าช้าเพราะมีความขัดแย้ง นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี มีอะไรให้ถามตนเอง ส่วนเกี่ยวข้องกับการไปออกรอบตีกอล์ฟกับนายทักษิณหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนว่ามันเรียบร้อยมาโดยตลอด ไม่มีปัญหาอะไร คนเราถ้าโกรธกันจะดีกันด้วยการตีกอล์ฟไม่ได้หรอก ขอย้ำว่าไม่มีอะไรเป็นการตีกอล์ฟปกติ
เมื่อถามว่า การทำงานของพรรคภูมิใจไทยหลังจากนี้จะขวางอะไรอีกหรือไม่ หรือจะลงเรือลำเดียวกันตลอด นายอนุทิน กล่าวว่า ภูมิใจไทยไม่เคยขวางอะไรเลย เราทำสิ่งที่สัญญากับประชาชนไว้ สมัยรัฐบาลที่แล้วทุกพรรคขวางกฎหมายกัญชา ภูมิใจไทยยังไม่เห็นบ่น นักข่าวก็ไม่บ่น ก็เป็นเรื่องธรรมดา ส่วนเรื่องประชามติ พรรคภูมิใจไทยมองว่าไม่ใช่เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่มีเรื่องอื่นๆ อีกมาก เช่น สนธิสัญญา เราก็อยากให้เกิดความรอบคอบ เพราะเป็นแนวทางของพรรคภูมิใจไทย แต่เมื่อมติในสภาฯ เสียงของพรรคภูมิใจไทยเป็นเสียงข้างน้อยก็ถือว่าไม่มีประชามติสองชั้นแล้ว เป็นชั้นเดียวเราก็น้อมรับ แต่ สว. เห็นแย้งกับฝั่ง สส. ก็ต้องรอไป 180 วัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากอนาคตมีเรื่องร้อนๆ จากพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทยก็จะทำหน้าที่ตามหลักการใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่เคยมีเรื่องร้อนๆ หากเป็นเรื่องของรัฐบาลก็คุยกันก่อนเราก็สนับสนุนทุกอย่างเช่น เงินดิจิทัลวอลเล็ต พรรคภูมิใจไทยก็เห็นด้วยแม้ตอนหาเสียงไม่เห็นด้วย แต่เพราะเป็นนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา เราก็ต้องสนับสนุน แต่เรื่องของประชามติไม่ได้แถลง ก็แสดงความเห็นส่วนตัวของเรา
วันเดียวกัน ที่ตลาดภูสุวรรณ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยช่วย นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ หาเสียงเป็นวันที่ 2 โดยมีประชาชนจากอ.สันป่าตอง หางดง แม่วาง ดอยหล่อ และจอมทองมาร่วมฟังกันปราศรัยกว่า 5,000 คน
โดย นายทักษิณ ขึ้นปราศรัยด้วยการอู้กำเมือง ว่า กลับมาบ้านแล้วรู้สึกม่วนอกม่วนใจขนาด หายไปนานแก่ไปหรือไม่ ปีนี้ 75 ย่าง 76 ปีแล้ว เวลาผ่านไปไว ตั้งใจอยากให้ จ.เชียงใหม่ เจริญรุ่งเรือง การทำมาหากินลำบาก แต่เป็นห่วงพี่น้องที่มาแต่เช้า ตอนนี้รัฐบาลกำลังสร้างกระบวนการแก้หนี้ลดหนี้ โดยให้สมาคมธนาคารมาช่วย ครั้งที่แล้วเขตสันป่าตอง สส.เป็นพรรคไหน พรรคก้าวไกลหรือไม่ ใครไม่เลือกเพื่อไทยบ้างและใครเลือกเพื่อไทยคราวที่แล้ว
“พรรคประชาชนเป็นพรรคก้าวไกลเก่า เขาอู้เก่ง เดี๋ยวนี้เขาเริ่มด่าเก่ง ผมพยายามจะหัดด่า แต่ว่ายังบ่จ้างเตื่อ พี่น้องคราวที่แล้ว เลือกตั้งนายกอบจ.ผมเขียนจดหมายน้อยมา เพราะอยู่เมืองนอก พี่น้องเลือกนายกก๊องได้คะแนนสี่แสนปลาย วันนี้ผมมาด้วยตัวเอง มาขอถึงที่ หวังว่าพี่น้องจะให้สัก 6 แสนเน้อ และมาเที่ยวนี้ผมกลับมาเมืองไทยแล้ว ก๊องต้องทำงานหนัก เพราะต้องช่วยกันให้บ้านเราดีขึ้น ร่วมกับรัฐบาล โดยเฉพาะซอฟต์พาวเวอร์ ทำให้คนไทยหมดหนี้หมดสิน ผมจะมาเชียงใหม่บ่อยหน่อย หากนายกก๊องไม่ชนะ ส.ส.เหลือน้อย ผมมาเชียงใหม่ก็อายเหมือนกัน ฉะนั้น อย่าให้ผมอายนะ เที่ยวนี้เอาให้ชนะขาดๆ ผมจะได้มาบ่อย มาดูว่าที่ไหนเดือดร้อนจะได้ช่วยกันเต็มที่ พี่น้องอย่าลืมกันวันนี้มาแล้ว ผมอายุมากแล้วเหลือเวลาแค่ 40 ปี ตั้งความหวังไว้ก่อน ทำให้แข็งแรงจะได้มีเวลาดูแลพี่น้อง กลับมาก็อยากทำให้คนไทยมีเงินใช้ทุกคน”
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ตอนนี้เชียงใหม่ไม่ค่อยงามเหมือนเมื่อก่อน เขาเผาบ้างแล้วเชียงใหม่เป็นแอ่งกระทะ เวลาควันมาแล้วออกยาก รัฐบาลพยายามหามาตรการต่างๆ ตนพยายามคิดว่าจะทำอย่างไรให้ PM 2.5 หายไป จัดการฝุ่นไวๆ และอยากเห็นเชียงใหม่งามเหมือนเก่า วันก่อนมีคนมาเล่าให้ฟัง รถไฟฟ้าในเมืองก็จะทำใต้ดินส่วนหนึ่งและนอกเมืองจะทำเป็นบนดินเพื่อทำให้เชียงใหม่รถติดน้อยลง รวมถึงจากขยายวงแหวนและสนามบิน เชียงใหม่มีแผนเยอะ ผลักดันให้จ.เชียงใหม่เป็นมรดกโลก โดยเอาวัด 6-7 แห่งรวมถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพ วัดพระธาตุจอมทอง เราจะเอาทั้งหมดเข้าเป็นมรดกโลก
ตอนตนอายุ 20 ปี พ่อสมัครส.ส. ตนนั่งรถจิ๊บไปช่วยหาเสียง มาสันป่าตอง และเคยมาหาพระอาจารย์ทอง ที่มรณภาพไปแล้ว เคยมาออบหลวง แล้ววันนี้มาก็เห็นความเจริญมีบ้าน มีร้านค้ามากขึ้น แต่เศรษฐกิจโดยรวมก็ยังไม่ค่อยดี ปีนี้เศรษฐกิจดีขึ้น ซึ่งใครอายุเกิน 60 ปี ไม่กี่วันเงิน เงินหมื่นบาทจะมาแล้ว หลังจากนี้ก็รอระบบให้เสร็จ คนหนุ่มคนสาวก็จะได้ เมื่อระบบใช้ได้ ก็จะใช้ได้ทุกคน เป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลเคยพูดไว้ อยากได้ยินอะไรก่อนระหว่างแก้หนี้กับยาเสพติด แสดงว่ายาเสพติดที่นี่หนัก แต่แสดงว่าคนสันป่าตองเป็นหนี้น้อย มีเงินหมดแล้ว ยาเสพติดเป็นปัญหาหนักสุดของประเทศ ตั้งแต่ปราบไปครั้งที่แล้ว หลังจากที่ตนถูกรัฐประหารทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม พ่อค้าทั้งหลายก็กลับไปสนับสนุนกระบวนการ แต่วันนี้อย่าแหลมมาก็แล้วกัน
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ตนไปอีสาน ตนบอกคนอีสานว่าหากใครไปเจอพ่อค้ายา ให้บอกพ่อค้ายาว่าทักษิณกลับมาแล้ว ทักษิณเกลียดพ่อค้ายา ดังนั้นให้เลิกค้ายา ถ้าไม่เลิกค้ายาก็ตัวใครตัวมัน หากพี่น้องไปเจอก็ให้บอกมันด้วยว่าทักษิณกลับมาเป็น ส.ท.ร.แล้ว ฉะนั้น อยากเสือกเรื่องแรกคือยาเสพติด จึงขอให้เลิกเสียไม่เช่นนั้นตัวใครตัวมัน เดี๋ยวต่อไปจะมีระบบแจ้งเตือนพ่อค้ายา ไปที่ผู้การ ผู้กำกับ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และหากไม่ดำเนินการตามที่ได้รับแจ้ง ก็จูงมือกันย้ายไปหาที่อยู่ใหม่ ดังนั้น เรื่องนี้หากทำไม่ได้ก็ต้องมีใครสักคนที่ต้องไป ซึ่งเรื่องปราบยาเสพติดในปี 2568 จะเป็นไฮไลท์ใหญ่ของรัฐบาล ควบคู่ไปกับการแก้เรื่องหนี้สินของประชาชน
สำหรับเชียงใหม่จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ หากนายกอบจ.ชื่อก๊อง ได้รับการเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง รวมถึงได้รับมอบหมายภารกิจจากรัฐบาล ที่พรรคเพื่อไทยต้องมาสนใจเรื่องอบจ. เพราะต้องการมือไม้ที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลในการดูแลประชาชนถึงที่ เพราะสส.เราไม่ได้รับเลือก หากอบจ.ยังแพ้อีก แสดงว่าพี่น้องเชียงใหม่บอกว่าทักษิณไม่ต้องมาแล้ว ไปไกลๆ ไป แต่หากได้รับเลือกก็จะมาบ่อยอย่ารำคาญขี้หน้ากันเน้อ ก๊องอยู่กับผมมานาน ผมอยู่เมืองนอกเขาก็แวะมาหาผมเป็นประจำ ไปปรึกษากันเป็นประจำ เป็นคนที่ผมไว้ใจใช้งาน จึงอยากขอให้พี่น้องชาวเชียงใหม่ให้ความไว้วางใจ ใช้งานก๊องต่ออีกสมัย ถ้าทำงานช้าผมจะหวด“ นายทักษิณ กล่าว
นายทักษิณ กล่าวว่า เดี๋ยวนี้มีข่าวสองประเภทข่าวหนึ่งคือข่าวการเมือง ข่าวมีน้อยแต่ขยายจนเป็นเรื่องราวใหญ่โต และขยันเอาพวกที่เป็นขาประจำตัวมาสัมภาษณ์ ให้มันออกมาด่าตนเพื่อที่จะได้เป็นข่าวและได้รับความสนใจ บังเอิญว่าตนอายุมากแล้วหูตึง เวลามันด่าตนไม่ค่อยได้ยิน แต่รู้ว่ามันด่าว่าอะไรจึงสวนไปบ้าง เมื่อแก่แล้วนิสัยก็เปลี่ยน ใจเย็นขึ้นแต่ว่าใครแรงมาก็แรงไป
นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า ข่าวอีกประเภทหนึ่งคือข่าวอาชญากรรม ตอนตนไม่สบายนอนอยู่โรงพยาบาล เห็นข่าวเรื่องยาเสพติด กลุ้มใจที่สุดเพราะบางครั้งคนติดยาทุบตีพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย จึงถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องทุกข์ของคนไทย ตอนตนปราบยาหลายคนเข้ามาขอบคุณตนและบอกว่าดีใจที่ได้ลูกคืน วันนี้กลับมาเที่ยวนี้ตั้งใจอย่างยิ่งว่าจะคืนลูกหลานให้พี่น้องเพื่อที่เขากลับไปจะได้เป็นคนดีของสังคม
นายทักษิณ กล่าวว่า มีเวลาช่วยลูกสาวสองปีปลาย ไม่ต้องห่วง เรื่องยุบสภาลิ้นกับฟันเป็นเรื่องธรรมดา ยังไงก็อยู่ครบเทอม มีเสถียรภาพเช่นนี้จะยุบสภาทำไม ใครจะออกมาเห่าหอนก็ปล่อยเขา เราทำงานอย่างเดียว ได้ยินเสียงนกเสียงกาพี่น้องก็หูทวนลมอย่าไปสนใจ สนใจแค่รัฐบาลจะทำให้พี่น้องพ้นทุกข์อย่างไร เขากำลังทำการบ้านปรับโครงสร้างภาษี ให้คนไทยทุกคน ถึงแม้มีรายได้ไม่ถึงที่จะเสียภาษีก็ต้องกรอกการเสียภาษี หากรายได้ต่ำก็จะเก็บนำภาษีที่เก็บจากคนที่เสียภาษีมาช่วย เป็นเงินทุนหนุนจากรัฐบาลแทน
“ปีหน้าม่วนแน่นอน รับรองว่าอะไรที่ทุกข์มานานจะจัดการให้หมด แต่ผมเป็นคนมีจุดอ่อน เพราะเป็นคนที่ต้องการกำลังใจ หวังว่าพี่น้องชาวเชียงใหม่จะให้กำลังใจผม โดยเลือกนายกก๊องให้กลับมาอีกรอบ เพราะเป็นสัญญาณว่าครั้งหน้าพี่น้องชาวเชียงใหม่ ก็จะคืนสส.ให้พรรคเพื่อไทยทั้ง 10 เขต ซึ่งก็จะมีกำลังใจกลับมา เราทุกข์ด้วยกัน เราก็ต้องสุขด้วยกัน เราทุกข์ด้วยกันมาแล้ว ต่อไปนี้เราก็จะสุขด้วยกัน พี่น้องให้สส. 2 คน ทำให้ผมน้อยอกน้อยใจเล็กน้อย แต่ตอนนี้หายแล้ว เพราะตอนนี้พี่น้องกำลังจะคืนกำลังใจให้ โดยการเลือกนายกก๊อง และสจ.ทุกคนเข้ามา เพื่อวางพื้นฐานที่จะคืน สส.ให้ผม แล้ววันนั้นเราจะมีความสุขด้วยกัน ขอให้พี่น้องอย่าลืมผม ผมกลับมาแล้ว ผมมาขอเอง ได้หรือไม่ ขอให้เลือกเบอร์สองและสจ.ทุกคนให้เต็มที่ รวมถึงขอให้กลับไปบอกเพื่อนๆ ว่าใช้ทักษิณดีกว่า เพราะเขามีลูกเป็นนายกฯ“ นายทักษิณ กล่าว