เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 67 ตำรวจ สภ.แก่งหางแมว ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบซากช้างป่ามีบาดแผลเป็นรูคล้ายถูกยิง ล้มอยู่ในสวนยางพารา ซอยทางเข้าสำนักสงฆ์วัดป่าเขาไผ่ พื้นที่หมู่ 9 ต.พวา รอยต่อ หมู่8 ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี 

หลังรับแจ้งต่อมา พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ คำมูล สว.สส.(สอบสวน) สภ.แก่งหางแมว พร้อม เจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 13 , เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ 613 หนองมะค่า, ฝ่ายป้องกันแก่งหางแมว for us , เจ้าหน้าที่ชุดผลักดันช้างป่ากองเรือแตก ตลอดจนกำนัน,ผู้ใหญ่บ้าน ต.พวา เดินทางตรวจสอบ พร้อมประสาน สบอ.2 ศรีราชา ส่งทีมสัตว์แพทย์ตรวจพิสูจน์ซากหาสาหตุ

ที่เกิดเหตุ อยู่กลางสวนยางพาราห่างจากถนนลึกเข้าไปประมาณ 200 เมตร พบซากช้างป่าเพศผู้ เป็นช้างพลายหนุ่ม มีงาสองข้าง ยาวประมาณ7-8 นิ้ว อายุประมาณ 7-10 ปี น้ำหนักประมาณ 1.5 ตัน หรือ 1,500 กิโลกรัม ตรวจสอบพบตามตัวมีบาดแผลเป็นรู คล้ายถูกยิงด้วยกระสุนปืน ขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร เข้าที่ใบหูข้างขวา ทะลุเข้าที่ขมับฝังใน จำนวน 2 แห่ง ที่ขาซ้ายหน้าช่วงข้อพับ 1 แห่งและที่ ขาหลังด้านขวาช่วงส้นเท้าอีก 1 แห่ง นอกจากนี้ยังพบปลอกเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มิลลิมเมตรตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จำนวน 2 ปลอก ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ถ่ายภาพและตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานต่อมาได้ประสานรถแบ็คโฮและรถบรรทุก 6 ล้อ จากเทศบาล ต.พวา เคลื่อนย้ายซากช้าง ไปให้ทางทีมสัตวแพทย์ สบอ.2 ผ่าชันสูจน์เก็บหัวกระสุนและพิสูจน์สาหตุ ยังหน่วยพิทักษ์ป่าคลองคก ต.พวา 

จากการสอบสวนทราบว่า สวนยางที่เกิดเหตุเจ้าของอยู่ที่ จ.ระยอง โดยเช้าที่ผ่านมา คนงานกรีดยางชาวลาว ได้ไปพบช้างป่าล้มอยู่โดยไม่ทราบสาหเตุ จึงรีบไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านและประสานตำรวจมาตรวจสอบ

ขณะ นายประสิทธิ์ คำรักษ์ อายุ 50 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยว่าช้างป่าที่พบหากินอยู่ในพื้นที่ที่ดู ส่วนใหญ่จะเป็นช้างกระจายไม่ใช่ช้างกลุ่ม ซึ่งช้างที่ล้มน่าจะเป็นช้างพลายหนุ่มที่ถูกจ่าฝูงไล่แตกออกมา  ส่วนจากลักษณะรอยกระสุน น่าจะเป็นการยิงเพื่อขับไล่ หรือเพื่อป้องกันตัว ทั้งนี้ต้องรอผลตรวจพิศุจน์จากทีมสัตวืแพทย์ ส่วนเรื่องมาตรการดูแลความปลอดภัย จะมีชุดเฝ้าระวังขับไล่ช้าง โดยทั้งผู้ใหญ่ คอยรับข่าวจาก ทางป่าไม้และจะแจ้งเตือนให้ทางผู้นำชุมชนแต่ละพื้นที่ทางไลน์กลุ่ม ว่าจะมีช้างออกหากินบริเวณไหนบ้าง ทั้งนี้เพื่อดูแลความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้าน ลดการเผชิญหน้าระหว่างช้างกับคน

ด้านนายมิตร วิรัตน์ อายุ 60 ปี ชาวสวนยางพารา บอกว่า ได้เข้ามาปักหลักทำกินปลูกยางพาราเลี้ยงครอบครัวตั้งแต่ปี 2528 ตั้งแต่ในพื้นที่ยังเป็นป่ารก ขณะนั้นยังมีช้างป่าไม่มากนัก ต่างจากปัจจุบันที่พบว่ามีประชากรช้างเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมีกรุกล้ำเข้ามาหากินในพื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้าน จนทำให้มีผู้ถูกช้างทำร้ายเสียชีวิตแล้วหลายราย ขณะเดียวกันช้างป่าเองก็มีถูกทำร้ายจากฝีมือมนุษย์ด้วยเช้นกัน อย่างไรก็ตามแม้ว่าขณะนี้จะมีชุดเฝ้าระวังช้างป่า คอยดูแลและแจ้งเตือน แต่ก็ไม่ทั่วถึงทุกพื้นที่ ทั้งนี้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มกำลังคนและมาตรการ ในการเฝ้าดูแลและผลักดันช้างให้มากกว่านี้ ตลอดจนการควบคุมประชากรช้าง เพื่อจะใด้ลดความสูญเสียทั้ง 2 ฝ่ายอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป