เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 24 ธ.ค. 67 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสากรรม นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา น.ส. สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ที่ปรึกษาและกรรมการและคณะกรรมการเข้าร่วมประชุม
โดยนายกฯ กล่าวก่อนการประชุมว่า วันนี้ก็ส่งยิ้มหวานๆ ให้กัน จริงๆ คิดถึงการประชุมนี้มาก เพราะไม่ได้ประชุมกันมานาน และถือเป็นครั้งแรกที่ได้มาประชุม คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติอีกครั้งในฐานะนายกฯ แต่เราทำงานต่อเนื่องจากที่เราทำมาปีกว่า ทั้งนี้หลายๆ อุตสาหกรรมได้เห็นผลงานกันที่มาจากหลายเรื่องแล้ว อย่างปีนี้ก็มีหลักสูตรการเรียนต่างๆ ซึ่งช่วงนี้ก็เริ่มทำงบประมาณ 69 กันอยู่วันนี้ก็มาดูว่าทำอะไรได้บ้างที่จะเหมาะสมกับสิ่งที่จะทำ
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เรื่องหลักๆของเรา เป็นเรื่องของการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ การขอจัดสรรงบประมาณ การพระราชบัญญัติส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ พ.ศ. .... (พ.ร.บ. THACCA) และ การจัดประชุมซอฟพาวเวอร์ฟอรั่ม และขอยืนยันว่านโยบายซอฟพาวเวอร์เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลอยู่แล้วมีอะไรก็ผลักดันกันอย่างเต็มที่
จากนั้นเวลา 15.20 น. นายประสบ เรียงเงิน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 ถึงเรื่องงบสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี และแอนิเมชันไทย ประจำปีงบประมาณ 2568 ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมการผลิตภาพยนตร์ไทยที่จะเป็นเรือธงในการส่งเสริมเศรษฐกิจและสร้างซอฟต์พาวเวอร์ได้ ซึ่งอนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ที่มี ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล กรรมยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ เป็นประธาน ได้พิจารณาว่าในปีนี้จะมีการสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี และแอนิเมชันไทย ทั้งหมด 220 ล้านบาท
โดยมีคณะกรรมการพิจารณา 3 ระดับ ได้แก่ คณะกรรมการจัดทำหลักเกณฑ์ คณะกรรมการกลั่นกรอง และคณะกรรมการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ โดยผู้ที่มีคุณสมบัติขอรับทุนได้มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มนิติบุคคล ไม่ว่าจะบริษัท สมาคม มูลนิธิหรือนิติบุคคลอื่นๆที่จดทะเบียนในไทย และอีกกลุ่มคือสถาบันการศึกษาในกำกับของรัฐ ที่มีคุณสมบัติในการขอรับทุนได้ สำหรับโครงการที่จะได้รับการส่งเสริมต้องเป็นโครงการที่ดี มีความหลากหลายที่จะส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้กับนานาชาติ และอีกส่วนคือต้องเป็นโครงการที่สามารถสร้างงาน สร้างราย สร้างอาชีพ ให้แก่คนในอุตสาหกรรมและคนที่เกี่ยวข้องได้ และส่วนสุดท้ายเราต้องการขายเรื่องวัฒนธรรมความเป็นไทยไปสู่สากล
ทั้งนี้สามารถยื่นผ่านระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.-7 ก.พ. 68 เป็นระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งคณะกรรมการจะพิจารณาโครงการให้แล้วเสร็จใน 31 มี.ค.68