สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายา “รัฐบาล” ประจำปี 67 “รัฐบาล (พ่อ) เลี้ยง” ส่วน”นายกฯ” ได้ฉายา “แพทองโพย” วาทะแห่งปี “สามีเป็นคนใต้” รมว.กห. “สหายใหญ่ใส่บู๊ต” ด้าน“อิ๊งค์” แซวตัวเองหลังสื่อตั้งฉายา บอกต้องเป็น “แพทองแพด” ยันไม่โกรธ "รัฐบาลพ่อเลี้ยง" ชี้เรื่องดี "พ่อ" มีประสบการณ์  “เสี่ยหนู” ยืดอกรับฉายา “ภูมิใจขวาง” ป้อง "เพิ่มพูน-นภินทร" รมต.โลกลืม แจงแค่พูดน้อย

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า สำหรับการตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปีของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบฯ เป็นธรรมเนียมที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมานานของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบฯ เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติส่วนตัว ซึ่งผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบฯ มีมติร่วมกันตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรีและวาทะแห่งปี ประจำปี 2567 ดังนี้

ฉายารัฐบาล “รัฐบาล“พ่อ“เลี้ยง” ด้วยความเป็น “พ่อ” ของหัวหน้ารัฐบาล ยี่ห้อ "ทักษิณ ชินวัตร" ขึ้นชื่อดีกรีความรักลูกไม่น้อยหน้าใคร ทั้งปกป้อง เลี้ยงดู อุ้มชู ปูทาง จนได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ เป็นลูกไม้หล่นใต้ต้น ที่มี DNA เดียวกันเป๊ะ จนไม่พ้นเสียงครหา รัฐบาลนี้ "พ่อคิด ลูกทำ"  และไม่ใช่แค่การเลี้ยงดูลูกในสนามการเมืองเท่านั้น ยังลามไปถึงวาทะเลี้ยง "มาม่า" พรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า จนสะเทือนเลื่อนลั่น สะท้อนบทแบ็กอัพที่ไม่ใช่เลี้ยงลูกตัวเองเท่านั้น แต่เลี้ยงรัฐบาลให้เดินอยู่ในรอยด้วย

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฉายา “แพทองโพย” ล้อมาจากชื่อของนายกฯ “แพทองธาร” กับประเด็นดรามา "ไอแพด" คู่ใจ โพยยุคไอที ถือติดมือได้ทุกที่ เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว พกโพยเครื่องเดียวอ่าน จด โหลดข้อมูลเสร็จสรรพ จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมเมื่อยกขึ้นอ่าน ระหว่างพบผู้นำ แขกต่างชาติ กลายเป็นประเด็นตอบโต้เผ็ดร้อนกับชาวเน็ต และตอกย้ำแบบโนสนโนแคร์ด้วยภาพชูไอแพดคู่ใจระหว่างร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือแม้แต่ยกไอแพด ขึ้นอ่านแถลงข่าวการระบายน้ำภาคเหนือ ลงสู่แม่น้ำโขง จนถูกวิจารณ์ยกใหญ่
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ฉายา “สหายใหญ่ใส่บู๊ต” รองนายกฯ คนที่ 1 ติดโผได้รับฉายาไม่ขาด “สหายใหญ่” ในเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 วันนั้น สู่ "บิ๊กอ้วน" แห่งกองทัพไทยในวันนี้ ปรับโฉมกุนซือการเมือง มายกมือตะเบ๊ะ เสื้อตึงเป๊ะ ใส่ "ท็อปบูต" นั่งเก้าอี้กลาโหม จากที่เคยอยู่กันคนละฝั่ง วันนี้ต้องคุมบังเหียนมาทำงานร่วมกับเหล่าทหาร ส่งท้ายปีจับมือท็อปบู้ตพากันลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วม และยังต้องรับบทหนักถึงหนักมาก คอยระวังหลังให้กับ "นายกฯ อิ๊งค์" อีกด้วย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ฉายา “ภูมิใจขวาง” นอกจากตำแหน่งรองนายกฯ คนที่ 3 ยังสวมหมวกหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทำงาน 3 เดือนใน “รัฐบาลแพทองธาร” สร้างสีสันจากบุคลิกและสไตล์การพูดหยิกแกมหยอก พร้อมสโลแกนขอทำงานไม่ขัดแย้งใคร แต่นับจากลงเรือร่วมรัฐบาล มียกมือค้านทั้งร่างกฎหมายสกัดรัฐประหาร ของ สส.พรรคแกนนำ ล่าสุดโหวตสวนร่าง พ.ร.บ.ประชามติ เห็นต่างจากพรรครัฐบาล ต้องจับตาบทบาทจากนี้ “รมต.หนู“ จะปล่อยของ โชว์ลีลา สร้างผลงาน ให้ประทับใจอย่างไร

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ฉายา “พีระพัง” พังอุดมการณ์จากพรรคขั้วตรงข้าม “ชินวัตร“ ตกลงปลงใจมาจับมือร่วมรัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์“ คว้าเก้าอี้รัฐมนตรีคุมกระทรวงใหญ่ ถูกคาดหวังจะมาแก้ปมเรื่องพลังงาน ให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำมันถูกลง เจ้าตัวยังหมายมั่นปั้นมือประกาศแก้กฎหมาย รื้อโครงสร้างภาษีน้ำมัน จนเปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาลแล้ว ก็ยังไม่ชัดเจน หรือจะซุ่มทำเงียบๆ งานนี้สังคมช่วยลุ้นจะทำได้ทันรัฐบาลนี้ หรือจะพังพับไปก่อน ด้านงานการเมืองยุค “หัวหน้าพี“ คุมบังเหียน “รวมไทยสร้างชาติ” ดูยิ่งโลว์โปรไฟล์ จัดกิจกรรมพรรคได้เงียบกริบตามสไตล์ จนเกิดกระแสข่าวรอยร้าวภายใน ถูกจับจ้องถึงสัมพันธภาพกับลูกพรรคจะกอดคอรักกันนานแค่ไหน

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ฉายา  “ทวีไอพี” ล็อกเป้าคุมเก้าอี้กระทรวงยุติธรรม เรียกได้ว่าเลื่อยขาเก้าอี้ไม่มีสั่น ไม่บอกก็รู้ว่า “นายใหญ่” ไว้ใจแค่ไหน นับตั้งแต่ภารกิจพานายใหญ่กลับบ้าน ถึงอีพี 2 ส่งนายใหญ่ขึ้น “ชั้น 14” ครองเตียง “วีไอพี” แทนนอนเรือนจำถึงได้พักโทษ ทำให้สังคมมองว่าเป็นนักโทษวีไอพี ต่อเนื่องที่เร่งออกระเบียบคุมตัวนอกเรือนจำ เสียงลือแซ่ด เตรียมปูทางสำหรับ “วีไอพีหญิง“ ตามรอยพี่ชายหรือไม่ เมื่อเดินงานเข้าตา พ.ต.อ.ทวี น่าจะถือบัตรวีไอพี ยึดเก้าอี้รัฐมนตรี ไปอีกยาว
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ฉายา “ประชาธิเป๋” แปะยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” รั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค ประกาศพาค่ายสะตอกลับมายิ่งใหญ่ ไปๆมาๆ พลิกหนีบทฝ่ายค้าน ไม่ติดอดีต ไม่ฟาดฟันทางการเมือง กลืนอุดมการณ์คู่ปรับนับทศวรรษกับ “เพื่อไทย” กระโดดมาร่วมรัฐบาล เดินเป๋จากเส้นทางอุดมการณ์กว่า 70 ปี จนได้ตั๋วคุมงานกระทรวงใหญ่ แต่ผลงาน ได้เห็นเค้าแค่ลางๆยังไม่ชัดเจน

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ฉายา  “รวม (เพื่อ) ไทยอ้างชาติ” เรื่องจริงหรือฝัน ทำบรรดาแม่ยก แทบไม่เชื่อสายตา ว่า "ขิง เอกนัฏ" คีย์แมน พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ต้องยอมทำเพื่อชาติ ประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เคลียร์ประเด็นคุณสมบัติคนเคยมีคดี ก่อนนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแบบใสๆ ภายใต้การนำของ"คนชินวัตร“ ลั่นในใจไม่ลบ ไม่เคยลืมอดีต ก่อนยก วาทะเด็ด “ต้องทำงานโดยคิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก ถ้าคิดถึงบ้านเมือง ก็ทำงานร่วมกันได้” ทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง เร่งโชว์ผลงานเดินเครื่องกวาดล้างโรงงานเถื่อน สารเคมีอันตรายให้เข้าตาประชาชน
น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ฉายา “จิราพอ(ล)” จาก ส.ส.รุ่นใหม่ดาวเด่นในสภา พูดจาฉะฉาน ถูกคาดหวังจะเฉิดฉายเมื่อนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ช่วยปรับโฉมงานของรัฐบาล เพราะคุมทั้งสื่อรัฐ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ. ) แต่งานกลับเดินไปเนิบๆ สังคมมาถึงบางอ้อว่า รมต.น้ำ นั่งคุม สคบ.จากคดีดัง “ดิไอคอน กรุ๊ป”และ “บอสพอล” ถึงได้จังหวะโชว์ผลงาน ทั้งที่ขึ้นชั้นรมต.มาตั้งแต่ปลายรัฐบาลเศรษฐา จนถูกตั้งคำถามเรื่องการทำงาน ขึ้นปีใหม่จะเร่งเครื่องไปต่อ หรือพอใจจะทำงานเงียบๆ แบบสโลไลฟ์
สำหรับกลุ่ม “รมต.โลกลืม” นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ , พล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ,นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์  ทั้ง 3 คน มีบทบาท ได้คุมกระทรวงเกรดเอ ทั้งเรื่องการค้าและการศึกษา ผ่านเก้าอี้รมต. ที่เป็นประตูปูทาง สร้างงานให้โดดเด่นได้ แต่ผลงาน 3 เดือนในรัฐบาล กลับไม่เปรี้ยงเงียบกริบ จนประชาชนเรียกหาให้สตาร์ทเครื่อง ตีปี๊บผลงานรับศักราชใหม่ สลัดครหารัฐมนตรีโลกลืม

วาทะแห่งปี  “สามีเป็นคนใต้” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในระหว่างการลงพื้นติดตามการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำท่วม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2567 ซึ่งถูกตั้งคำถามจากสังคม เปรียบเทียบการลงพื้นที่เพื่อฟื้นฟูภาคเหนือของนายกฯ แต่อาจละเลยพี่น้องภาคใต้ ที่ถูกน้ำท่วม นายกฯ ชี้แจงย้ำหนักแน่น ไม่ได้ละเลยคนใต้ ด้วยประโยคว่า “โอ้ คำว่าละเลยภาคใต้ สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีเป็นคนใต้ ถ้าละเลยคนใต้ ไม่รักคนใต้ แต่งงานคนใต้ไม่ได้นะคะ”ยืนยันคำตอบจากใจ ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับประชาชนภาคใด เพราะเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศ  คำตอบของนายกฯยังไม่ใช่เหตุผลที่ตรงใจชาวโซเชียล จึงไม่วายถูกตั้งข้อสงสัยว่าเหตุที่ไม่ลงใต้ เพราะภาคใต้ไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ไร้ที่นั่ง สส. มานาน ถึงกับถามย้ำๆขอฟังชัดๆ จะลงใต้เมื่อไหร่ กระทั่งนายกฯ กลับจากเยือนประเทศมาเลเซีย ช่วงฝนเทภาคใต้รอบสอง จึงเปลี่ยนใจบินลงพื้นที่จ.นครศรีธรรมราชและ จ.สุราษฎร์ธานี ในวันที่ 17 ธ.ค.2567 จากที่ตั้งใจจะลงไปในช่วงการฟื้นฟู ขึ้นศักราชใหม่ หัวหน้ารัฐบาลประกาศ “โอกาสไทย ทำได้จริง”เป็นคำมั่นที่ประชาชน รอติดตาม

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินลงมาจากตึกไทยคู่ฟ้า ภายหลังสื่อมวลชนประจำทำเนียบฯ ตั้งฉายารัฐบาล โดยสื่อมวลชนสอบถามว่า รู้สึกอย่างไรกับฉายา ”แพทองโพย“ โดย น.ส.แพทองธารหยอกล้อสื่อกลับมาว่า ”ไม่ใช่ เราเป็นแพทองแพด เราใช้ไอแพด ไม่ได้ใช้โพย  เพราะโพยต้องเป็นกระดาษใช้หรือไม่“ ก่อนหัวเราะและบอกกับสื่อว่า ”แซวเล่น สดใสหน่อย“ ไม่ได้โกรธ 

ผู้สื่อข่าวถามถึงฉายา ”รัฐบาล”พ่อ”เลี้ยง“ ที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ส่งเสริมให้แนวทางเรื่องการทำงาน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คิดว่าเป็นเรื่องดี คุณพ่อมีประสบการณ์ส่งเสริมกันเป็นเรื่องดี ตอนเศรษฐกิจยุคคุณพ่อก็ดี บางอย่างที่ปรับใช้ในยุคนี้ได้ก็ยิ่งดี เราต้องหัดมองมุมที่ดีบ้าง จะไม่มองมุมที่เป็นดราม่า ต้องทะเลาะกันแบบนี้เหนื่อย ชีวิตทุกคนทำงานมาทั้งปีแล้วตอนนี้เป็นโหมดต้องแฮปปี้แล้ว เราทำงานมา 1 ปี แฮปปี้อะไรบ้าง มีความสุขกับเรื่องอะไรบ้าง แล้วภูมิใจกับตัวเองในเรื่องอะไรบ้าง ขอให้ทุกคนคิดแบบนี้ก็แล้วกัน จะปีใหม่แล้ว อากาศก็ดีด้วยสดชื่น สดใสให้ทุกคนได้พักผ่อนกันอย่าไปเครียดมาก เรามีเรื่องเครียดในชีวิตเยอะแล้ว อะไรแฮปปี้ได้ก็แฮปปี้ 

ผู้สื่อข่าวถามถึงวาทะแห่งปี “สามีเป็นคนใต้” น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สามีเป็นคนใต้ คุณพ่อเป็นคนเหนือ คุณแม่เป็นคนภาคกลาง ส่วนพี่ๆ เป็นลูกครึ่ง ดีคะก็ดี คือความจริง สามีเป็นคนใต้จริงๆ ”เป็นหนึ่งคนที่ผ่านอะไรมาเยอะในชีวิต ตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเรื่องการเมือง หรือเรื่องอะไรก็ตาม แต่อยากให้นึกว่าเกลียดใครจริงๆ นึกไม่ค่อยออก เพราะไม่ค่อยเกลียดใคร เกลียดแล้วมันเหนื่อยเลยรู้สึกว่าไม่ต้องเกลียดหรอก ถ้าสมมุติว่าเราไม่ชอบคนนั้นๆ เราไม่ได้ก็แค่ถอยออกมา จะไปเกลียด ไม่ชอบใครมันเหนื่อย “ น.ส.แพทองธาร กล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังได้รับฟังเสียงสะท้อนจากสื่อโซเชียลมีเดียและสังคมแล้ว ตั้งเป้าการทำงานในปีหน้าอย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เป้าหมายของตนคือความเดือดร้อนของประชาชนต้องแก้ไขก่อน อะไรเดือนร้อนต้องแก้ก่อน บางอย่างที่ต้องใช้เวลาแก้ เช่นเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ การสร้างรายได้ ต้องรีบทำคู่กันไป อะไรที่คิกออฟได้ต้องออกให้หมด ส่วนเรื่องของความรู้สึก หรือดราม่าที่ว่ากัน ก็ว่าเป็นเรื่องๆไป

ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีสื่อประจำทำเนียบรัฐบาลได้ตั้งฉายา  ”ภูมิใจขวาง“  ว่า ขอบคุณสื่อ ที่เมตตาปราณี ก็โอเค  ตนไม่ได้ภูมิใจที่ไปว่าอะไรใคร แต่ตนภูมิใจที่ทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับบ้านเมือง เมื่อถามว่า จะต้องมีการกำชับ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ และนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ ซึ่งอยู่ในรายชื่อในรัฐมนตรีโลกลืม หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ผลงานเขา แต่เขาไม่ชอบพูดเดี๋ยวต้องไปลากเขาออกมาพูด กระทรวงศึกษาธิการมีผลงานเยอะมาก แต่เพราะเป็นคนไม่ชอบพูด ไม่เหมือนกับตนเห็นนักข่าวแล้วชอบเดินเข้าหา ส่วนนายนภินทร ถามว่าโลกลืม แต่เขตของเขาไม่ลืม ประชาชนของเขาไม่ลืม คนที่เขารับผิดชอบดูแลเรื่องตลาดพืชผลทางการเกษตรก็ไม่ลืมเขา อยู่ที่แต่ละคนคิดอย่างไร พร้อมกับกล่าวว่ารัฐมนตรีช่วยก็แบบนี้ 

“สมัยผมเป็นรัฐมนตรีช่วยโลกก็ลืม อยู่กระทรวงสาธารณสุขลืมหมดเลย นายกฯ ยังลืมเลยไปนั่งอยู่กับนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น ท่านยังถาม เอ๊ะ คนนี้ใคร เคยมาแล้วไม่เป็นไรหรอก เป็นไปตามบทบาท เดี๋ยวพอเวลาผ่านไป แต่ตนก็ต้องรับ ไม่ใช่ไม่รับเลย เดี๋ยวก็ต้องบอกแต่ก็บอกเขามาโดยตลอดว่าอยู่งานการเมืองจะทำอะไรก็ต้องให้ประชาชนรับทราบ ไม่ใช่เป็นเรื่องการประชาสัมพันธ์ตัวเอง เห็นแต่เป็นการทำให้ประชาชนเกิดความสนใจ อาจเป็นประโยชน์กับเขาเขาจะได้มาร่วม รับผลของนโยบายที่แต่ละรัฐมนตรีได้ทำ พร้อมขอบคุณผู้สื่อข่าวที่สะท้อนได้ดีตนคิดว่าคงไม่มีใครอยากเป็นรัฐมนตรีโลกลืม เดี๋ยวคงต้องปรับปรุงเรื่องการให้ข่าวสารต่อสาธารณะ” นายอนุทิน กล่าว

ส่วน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ตามที