วันที่ 23 ธันวาคม 2567 เวลา 8.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่ห้องทับทิมสยาม องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี โดยมีผู้สมัครพร้อมกองเชียร์จำนวนมากมาให้กำลังใจ พร้อมถือช่อดอกไม้และพวงมาลัยรอต้อนรับกันอย่างเนืองแน่น

หลังเปิดรับสมัครเวลา 8.30 น. มีผู้สมัครมายื่นใบสมัครพร้อมกันถึง 3 คน นำโดย นายธนภณ กิจกาญจน์ อดีตนายก อบจ.จันทบุรี 7 สมัย นายมานะ ชนะสิทธิ์ อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี ที่มาพร้อมกับ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน และนายคเชน ทาหุ่น ผู้สมัครหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรง โดยทั้งสามคนได้ทำการจับฉลากหมายเลข ผลปรากฏว่า นายมานะได้หมายเลข 1 นายธนภณได้หมายเลข 2 และนายคเชนได้หมายเลข 3

 

สำหรับผู้สมัครหมายเลข 1 นายมานะ ชนะสิทธิ์ ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากพรรคประชาชน โดย นายวิโรจน์ รองหัวหน้าพรรค ประกาศชัดเจนว่าจะช่วยหาเสียงตั้งแต่ต้นจนถึงวันเลือกตั้ง พร้อมมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นโอกาสสำคัญในการเปลี่ยนแปลงจังหวัดจันทบุรี และหากนายมานะได้รับเลือกตั้ง จะสามารถทำงานได้ทันทีด้วยการสนับสนุนจากส่วนกลาง เนื่องจากพรรคมี ส.ส.ในพื้นที่ถึง 3 เขต 

ทั้งนี้ นายมานะได้ชูนโยบาย 3D เน้นพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง มุ่งส่งเสริมการเกษตร การท่องเที่ยว อัญมณี และการประมงของจังหวัด พร้อมบริหารงบประมาณด้วยความโปร่งใส โดยระบุว่าจันทบุรียังมีปัญหาหลายด้านที่ต้องแก้ไข จึงอาสาเป็นตัวแทนขับเคลื่อนการพัฒนาให้จังหวัดก้าวหน้าและยั่งยืน เริ่มจากการทำให้คอรัปชันเป็นศูนย์

ด้านผู้สมัครหมายเลข 2 นายธนภณ กิจกาญจน์ อดีตนายก อบจ. 7 สมัย ได้ประกาศนโยบายหาเสียง ที่มุ่งเน้นการสร้างโอกาสและการเปลี่ยนแปลงผ่านยุทธศาสตร์สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ การท่องเที่ยว การสาธารณสุข และการศึกษา โดยตั้งเป้าผลักดันการท่องเที่ยวให้เป็นรายได้หลักของชาวจันทบุรี พร้อมสนับสนุนการพัฒนา
ที่สร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน 

นอกจากนี้ ยังยืนยันจุดยืนการเป็นนักการเมืองอิสระที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองใดมาตลอด 34 ปี โดยยึดหลัก "คนท้องถิ่นโดยท้องถิ่นเพื่อท้องถิ่น" มาตั้งแต่ปี 2543 และเน้นย้ำถึงประสบการณ์การทำงานร่วมกับองค์กรปกครองท้องถิ่นทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็น อบต. เทศบาล กำนันผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มผู้สูงอายุ สตรีอาสา อสม. และกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ มาโดยตลอด

ขณะที่ผู้สมัครหมายเลข 3 นายคเชน ทาหุ่น ผู้สมัครหน้าใหม่ เปิดเผยว่านี่เป็นการลงสมัครสนามที่สองของตน โดยได้เตรียมความพร้อมและลงพื้นที่มานานถึง 3 ปี พร้อมนำเสนอ 10 แนวนโยบายและ 4 ยุทธศาสตร์ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้จันทบุรี โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว สาธารณสุข และการศึกษา เนื่องจากเห็นว่าการท่องเที่ยวของจังหวัดยังได้รับการส่งเสริมและผลักดันน้อยมาก ทั้งที่ควรเป็นรายได้หลักของชาวจันทบุรี 

นอกจากนี้ยังแสดงความมั่นใจในพลังของคนรุ่นใหม่ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับผู้สมัครที่มีประสบการณ์อย่างอดีตนายก อบจ. และอดีต สจ. โดยเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะสร้างสีสันและทางเลือกใหม่ให้กับประชาชนชาวจันทบุรีอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งครั้งนี้จึงถือเป็นการชิงชัยที่น่าสนใจ ระหว่างอดีตนายก อบจ. 7 สมัยที่เน้นความเป็นอิสระและประสบการณ์ทำงาน ผู้สมัครที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองระดับชาติ และผู้สมัครรุ่นใหม่ที่พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลง โดยทั้งสามต่างมีจุดเด่นและฐานเสียงที่แตกต่างกัน ซึ่งจะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นที่จับตามองของประชาชนชาวจันทบุรีอย่างยิ่ง

  ////