เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ฝ่ายส่งเสริมกีฬา ร่วมตัดริบบิ้นในพิธีเปิดงานมหกรรมแสดงสินค้าและบริการทางการกีฬา SPORTEC Fukuoka 2024 โดยมีคณะผู้บริหาร กกท. ประกอบด้วย นางโปรดปราน สมานมิตร  รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย นางนิตยา เกิดจันทึก ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬาอาชีพ นายวรศักดิ์ ขันติบัณฑิต ผู้อำนวยการกองบริหารสินทรัพย์และส่งเสริมอุตสาหกรรมการกีฬา นางสาวชลันดา  ชอบจิตร ผู้อำนวยการกองบริหารงานและประเมินผลกีฬาอาชีพ พร้อมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงานดังกล่าว
 

ทั้งนี้กกท. ได้ร่วมจัดนิทรรศการประชาสัมพันธ์ประเทศไทย เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการกีฬาตามยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ในงานมหกรรมแสดงสินค้าและบริการทางการกีฬา SPORTEC Fukuoka 2024 ซึ่งเป็นนิทรรศการอุตสาหกรรมกีฬาและฟิตเนสที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นตะวันตก โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 19 ธันวาคม 2567 จังหวัดฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น
 

สำหรับ ภายในบูธนิทรรศการประชาสัมพันธ์ประเทศไทย  ได้มุ่งเน้นการเผยแพร่อุตสาหกรรมกีฬาในประเทศไทยและการท่องเที่ยวและกีฬา (Sports tourism) เพื่อเป็นการพัฒนากีฬาในมิติของความเป็นเลิศหรือมิติของอาชีพให้ได้รับการยอมรับเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ ด้วยการประชาสัมพันธ์ด้านโครงสร้างพื้นฐาน สนามกีฬา ศูนย์ฝึกกีฬา สิ่งอำนวยความสะดวกในการเล่นกีฬาและออกกำลังกายของ กกท. ในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงโครงการร่วมทุนของการกีฬาแห่งประเทศไทย เช่น โครงการยกระดับการให้บริการของ กกท. (Smart National Sports Park) นอกจากนี้ ยังมีการประชาสัมพันธ์การจัดการแข่งขันกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว (Sports Tourism) ซึ่งจะจัดขึ้นในปี 2568 เช่น รายการ AMAZEAN JUNGLE THAILAND, HOKA Chiangmai Thailand By UTMB 2025 รายการ BURIRAM MARATHON 2025 และรายการ MotoGP THAILAND 2025

การจัดนิทรรศการดังกล่าว มุ่งสร้างโอกาสและนำเสนอบทบาทในการประชาสัมพันธ์ประเทศไทย  ที่แสดงถึงศักยภาพการกีฬาของไทย ทั้งในด้านกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว (Sports Tourism)  โครงสร้างพื้นฐาน สนามกีฬา และสิ่งอำนวยความสะดวก (Sport Facilities) และสร้างโอกาสในการหาผู้ร่วมทุนในโครงการร่วมทุนของ กกท. จากนานาประเทศ ซึ่งนับเป็นการยกระดับการจับคู่ทางธุรกิจหรือ Business Matching ระหว่าง กกท. กับผู้จัดงาน และกลุ่มผู้ประกอบการ รวมทั้งนักธุรกิจอื่นๆ เพื่อเป็นกลไกในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือใหม่ๆ ให้กับ กกท.ซึ่งจะส่งผลให้อุตสาหกรรมกีฬาของไทย ได้รับการยอมรับ เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ และนำมาสู่ชื่อเสียงและรายได้เข้าสู่ประเทศในโอกาสต่อไป