เมื่อวันที่ 19  ธ.ค.67 นายศักดา วิเชียรศิลป์  ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง จากปรากฎการณ์เอลนีโญ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กับรายการ “เคลียร์คัด ชัดเจน” ทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 11 ถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ และที่จะเกิดต่อไปในอนาคต จะมีแนวโน้มที่รุนแรงมากขึ้น โดยส่วนตัวไม่ได้แปลกใจต่อเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ เนื่องจากตนเป็นคนที่ทำหน้าที่รักษาป่ามาก่อน เป็นข้าราชการกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ทั้งสามกรมนี้ดูเรื่องป่าทั้งหมด ตนเข้าใจดีถึงเรื่องระบบนิเวศน์ ว่าในอดีตประเทศไทยมีพื้นที่ป่า เกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ  แต่วันนี้จากตัวเลขพบว่าเราเหลือพื้นที่ป่าอยู่เพียง 31 เปอร์เซ็นต์ แต่ตนก็ยังไม่แน่ใจว่าใน 30กว่าเปอร์เซ็นต์นี้ ยังไม่เห็นหน่วยงานที่ระบุจะสามารถแยกออกเป็นรายจังหวัดได้หรือไม่

ตอนที่ตนเป็นข้าราชการ เป็นอดีตผอ.สำนักป้องกันและปราบปราม ของกรมอุทยานฯ เคยนั่งเฮลิคอปเตอร์ในการตรวจป่า ตนเคยบินดูทุกจังหวัด ตั้งแต่นราธิวาสจนถึงแม่ฮ่องสอน เราจะเห็นว่าข้างในฉากหน้าของป่าที่เรามองเห็นผ่านถนนนั้น ข้างในจะมีสวนยาง หรือสวนข้าวโพดแทบทั้งหมด  คนที่บุกป่าจะมีฉากเอาไว้ คนที่ไปทางราบจะมองไม่เห็น และถ้าเรานั่งเครื่องบิน เราก็จะเห็นเขาหัวโล้นเต็มไปหมด ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าไม่ว่าพื้นที่ใดก็มีการบุกรุก แผ่วถาง เพื่อทำการเกษตรเกือบหมด

ตั้งแต่ตนรับราชการมาก็มีนโยบายของรัฐหลายครั้ง ทำให้เราเสียพื้นที่ป่า วันนี้อยากบอกพี่น้องประชาชน ได้ทราบว่า เราดีใจ ที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดน้ำท่วมที่ปทุมธานี และนครศรีธรรมราช เกิดต้นซุง เศษไม้ ใบไม้ถล่มลงมา และมีผู้เสียชีวิต จากนั้นอีกราว 3-4เดือน มีการประกาศยกเลิกสัมปทาน การทำไม้ทั้งประเทศ เมื่อปี2532 โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2531 สมัยนั้นมีพรรคการเมืองหนึ่งซึ่งเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ก็เลยถือโอกาสปิดป่า ประชาชน ที่อยู่ในเมือง ในกทม.ดีใจ แต่สำหรับตนเองแล้วไม่ได้ดีใจเลย ในขณะนั้นเป็นข้าราชการกรมป่าไม้  เนื่องจากสัมปทานทำไม้ นั้นมีผู้รับสัมปทานทำไม้ มีเงื่อนไขว่าคุณต้องดูแลพื้นที่ป่าที่รับสัมปทานทั้งหมด ในเวลานั้นถ้าจำไม่ผิด ผู้ที่ได้รับสัมปทานทั่วประเทศมีทั้งหมด 300-400 ราย ดังนั้นเมื่อมีคำสั่งให้ปิดสัมปทานทั้งหมด ในครั้งนั้น ทำให้คนงานในแต่ละสัมปทาน ตกงานและไม่รู้จะไปไหน จากนั้นจึงมีการถางป่าเกิดขึ้นตามมา ซึ่งวันนั้นเจ้าหน้าที่รัฐเองก็ไม่พร้อม

นายศักดา กล่าวต่อว่า ผลที่เกิดขึ้นตามมาในครั้งนั้น เมื่อปิดป่าในปี 2532 ต่อมาในปี 2536 พบว่ามีพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกทั้งสิ้น 44 ล้านไร่ จากการที่มีมติครม.วันที่ 4 พ.ค.2536 กรมป่าไม้ มอบพื้นที่ที่ถูกแผ่วถาง ให้กับสำนักงานปฏิรูปที่ดิน (สปก.) นำไปปฏิรูปที่ดิน ให้สปก.นำไปให้ชาวบ้าน 44 ล้านไร่ ถามว่าที่จากไหน ก็คือที่จากแปลงสัมปทานทำไม้ ซึ่งไม่ใช่ป่าเสื่อมโทรม คนที่ไม่รู้ ก็ดีใจที่ปิดป่า แต่คนที่อยู่ในป่า เขาก็บุกรุกถางป่าต่อ เมื่อทำไม้ไม่ได้ ก็เผา และยึดที่ดินหลังจากนั้นกรมป่าไม้ ก็ต้องมอบพื้นที่ ให้ชาวบ้านตามมติครม. ในครั้งนั้น วันที่ 4 พ.ค.2536 ให้สปก.ไปจัดสรร นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่ง เราหมดไปแล้ว 44 ล้านไร่ โดยก่อนหน้านี้ กรมป่าไม้ ก็มอบที่ให้กับสปก.ไปหลายสิบล้านไร่แล้วให้ไปจัดสรร  อย่าลืมว่ากรมป่าไม้กับสปก.อยู่ภายใต้กระทรวงเกษตรฯด้วยกัน แต่มาแยกกันเมื่อปี 2545

นายศักดา กล่าวต่อว่า เมื่อปี 2541 มีมติครม.รองรับในลักษณะเช่นนี้อีก ว่าคนที่อยู่ในป่าอีกประมาณ 5ล้านไร่ ให้เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ตรวจสอบสอบพิสูจน์สิทธิ์ก่อน ที่ประชาชนเรียกกันว่าตามมติครม. 2541 บอกว่าให้ประชาชนอยู่ได้ แสดงให้เห็นว่าเมื่อผ่านไป อีกราว5ปี มีการเสียพื้นที่ป่าไปอีก ต่อมาปี 2557 หลังจากนั้นอีก 15-16ปี มีมติครม.เหมือนลักษณะเดียวกับปี 2541 ให้ประชาชนอยู่ในป่าได้อีก เท่ากับว่าเราเสียพื้นที่ป่าไม่ต่ำกว่า 50-60ล้านไร่ ประเทศไทยมีพื้นที่ป่า มี 320ล้านไร่ ดังนั้นเราเสียพื้นที่ป่า 15-16 เปอร์เซ็นต์ ของ320ล้านไร่ เพื่อไปทำการเกษตร

นายศักดา กล่าวต่อว่า ในส่วนของพื้นที่ทำกิน หากเป็นที่ราบ หรือการจัดโซนนิ่งเมื่อปี 2535 แต่วันนี้ไม่มีการจัดโซนแล้ว ทั้งชาวบ้านและนายทุนที่ไปบุก ก็ไม่มีโซนพื้นที่ป่าแล้วทั้งที่มีกฎหมายบอก แต่ในการกระทำนั้นมันไม่ได้ เพราะในพื้นที่ ที่มีชาวบ้านเข้าไปบุกรุก จะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปขับไล่ ไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่ไปจับ เขาก็ไปบุกรุกใหม่ พอหน้าแล้งก็จุดไฟเผาป่า วันนี้เราประกาศพื้นที่อนุรักษ์ ประมาณเกือบ70-80 ล้านไร่ แต่ขอให้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินดู

ยกตัวอย่างง่ายๆเหตุการณ์น้ำท่วมที่ปัตตานีกับกับยะลา จุดนั้นอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติเขาบูโด ซึ่งตนเองเคยอยู่ปัตตานี เคยบินดูแล้ว พบว่าด้านบนเป็นสวนยางหมดแล้ว เขาสูงจากระดับน้ำทะเล 500-600 เมตร ข้างบนเป็นสวนยางหมด ดังนั้นเมื่อฝนตกจึงไม่มีอะไรบังเลย น้ำก็ไหลลงตามร่อง จึงเจอปัญหาดินโคลนถล่ม น้ำฝนไหลลงเร็ว ลงมาที่ห้วย หนอง คลองบึง ซึ่งเมื่อก่อนจะเก็บน้ำได้ดี  เพราะป่าไม่ถูกทำลาย แต่เมื่อมีโคลนดินถล่มลงมา ก็เกิดการตื้นเขิน พอฝนตกลงมามาก ก็เกิดการเอ่อล้น ไปท่วมบ้านเรือน ซึ่งจะใช้เวลาหลังฝนตกผ่านไปแล้วไม่เกิน 3 วัน น้ำก็จะไหลไปหมด แต่ถ้าพื้นที่จุดนั้นมีการสร้างถนนหนทาง หรือผังเมืองไม่ดี ก็จะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้ำขังนาน แต่ถ้ามีต้นไม้ มีป่า โดยธรรมชาติก็จะอุ้มน้ำของมันเอง

เมื่อถามว่าหากกรมป่าไม้ รับรู้แล้วจะมีการเรียกคืนพื้นที่เพื่อนำไปเป็นพื้นที่ป่าปกติได้หรือไม่ นายศักดา กล่าวว่า โดยหลักการจะเป็นเช่นนั้น แต่โดยประสิทธิภาพแล้วตนไม่เชื่อ เพราะอยู่ดีๆการที่คนไปปลูกยาง ปลูกป่า สมัยคสช.มาใหม่ ๆตอนนั้นตนยังรับราชการอยู่ ก็ตัดเป็นพันๆไร่ เราก็ตัดเอาไม้เล็กไปปลูก ปรากฎว่าชาวบ้านและสังคมต่อว่าเราแล้ว เขาลงทุนปลูกปาล์ม ตั้งมากมาย แต่เราไปตัดไม้ของเขาทิ้ง สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ และในทางกฎหมายเราไม่ด้ทำผิด แม้จะมีคนฟ้องร้องมากมาย แต่ก็ไม่เคยชนะตน ที่ผ่านมาเคยแสดงความเห็นว่าในเรื่องของการปลูกป่าไม้ นั้นอยากให้กรมอุทยานฯ หรือกรมป่าไม้ หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการฟื้นฟูสภาพป่า ควรให้คนท้องถิ่นทำ เพราะเขาอยู่ตรงนั้น แต่ถ้าเอาเจ้าหน้าที่หรือคนในเมืองเข้าไปทำ ปรากฎว่าวันปลูกเราจ้างเขา เพราะเขาได้เงิน แต่เมื่อเรากลับมาแล้วเขาอยากได้พื้นที่คืน จึงบอกมาเสมอว่าการปลูกป่าเป็นเรื่องยาก

เมื่อถามว่ามีทางสำหรับทุกฝ่ายหรือไม่ ทั้งชาวบ้านและการได้พื้นที่ป่าคืนกลับมาด้วย นายศักดา กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ในฐานะที่ตนเข้ามาเป็นนักการเมืองก็พบว่า ยังไม่เห็นว่าเกษตรกรคนไหนที่ปลูกพืชเศรษฐกิจของไทยแล้วจะร่ำรวย  มีกิน มีใช้เลย และในรอบ 2-3ปีพืชผลทางการเกษตร ราคาจะตกลง ด้วยกลไกตลาด การสั่งเข้า ในเชิงพาณิชย์ จนเกิดความเสียหายกับเกษตรกร รัฐก็ต้องเข้าไปช่วย ทุกครั้ง แต่ถ้าสมมติให้พื้นที่ป่ากลับมาเหมือนเดิม เชื่อว่าที่ดินราคาแพงกว่านี้ คนจะไปเที่ยวมากกว่านี้ เหมือนกับที่เขาใหญ่