'ทวี' ยัน 'โกทร' ออกจากเรือนจำมาแถลงข่าวปมยิง”สจ.โต้ง”ไม่ได้ ระบุโยกคดีมากองปราบฯ ต้องนำตัว”โกทร”ย้ายมาคุมขังที่กรุงเทพฯ ด้วย  “ธรรมนัส' ยอมรับเจอ 'สจ.โต้ง-เมีย' บ่อย ไม่รู้ข่าวค่าหัว 30 ล้าน พร้อมหนุน”สจ.จอย”สู้ศึกเลือกตั้งนายกอบจ.ปราจีนบุรี ขณะที่”สจ.จอย”ขอกำลังตำรวจคุ้มกันความปลอดภัย 

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.67 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดเผยกรณี นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล จะยื่นหนังสือถึงกระทรวงยุติธรรมขอให้ นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตของ  นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือสจ.โต้ง ออกจากเรือนจำ มาแถลงข่าวเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ว่า การแถลงข่าวไม่สามารถทำได้ เพราะขณะนี้นายสุนทรยังถือว่าเป็นผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำนครนายก ยกเว้นแต่ผู้ต้องหาจะได้รับการประกันตัวออกมาในระหว่างต่อสู้ตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะก็ถือยังเป็นผู้บริสุทธิ์และเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ เช่นเดียวกับผู้ที่เข้าไปเยี่ยมในเรือนจำก็สามารถออกมาให้สัมภาษณ์หรือสื่อสารกับประชาชนได้ตามสิทธิ์

“คดีนี้หากสำนวนถูกโอนมาให้อยู่ในความรับผิดชอบของกองบังคับการปราบปราม ตัวนายสุนทรที่ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำนครนายกก็จะถูกย้ายตัวมาคุมขังที่กรุงเทพด้วยเช่นกัน” พ.ต.อ.ทวี กล่าว


ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวมีใบสั่งค่าหัวจำนวน 30 ล้านบาท ก่อน นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือสจ.โต้ง เสียชีวิต ว่า ตนได้ยินพร้อมกับสื่อมวลชน ไม่ทราบมาก่อน ส่วนจะมีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่นั้น มองว่าเรื่องนี้ทางพนักงานสอบสวนทั้งของจังหวัดปราจีนบุรี และการที่จะโอนคดีไปอยู่กองบังคับการปราบปรามน่าจะรู้ทั้งหมดแล้ว คงพูดมากไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียรูปคดี

สำหรับก่อนเกิดเหตุ สจ.โต้งได้มีการพูดอะไรด้วยหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นคนในวงการมวย พี่น้องที่อยู่ในวงการมวยก็เจอกันในสนามมวยบ่อยๆ ตนเองก็มีค่ายมวย จึงสนิทสนมกับคนกลุ่มนี้กันมานาน ส่วน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีตรมช.มหาดไทย ก็รู้จักกันมานาน หากจะถามว่าช่วงก่อนเกิดเหตุสจ.โต้งกับภรรยามาพบบ่อยหรือไม่ ต้องยอมรับว่าพบบ่อย ในเรื่องประเด็นการเมืองท้องถิ่น ซึ่งก็ไม่ได้คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้

ส่วนกรณีการพูดคุยมีเรื่องการเมืองอย่างเดียวหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า มีทั้งเรื่องที่นักมวยอยากจะมาใช้สีเสื้อตนเอง และมีการคุยเรื่องการเมือง ซึ่งให้เกียรติมาโดยตลอดว่าต้องไปคุยกับ นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร นายกอบจ.ปราจีนบุรี ให้เรียบร้อยก่อน หากจะลงไม่มีประเด็นเรื่องเหล่านี้
ส่วนกรณีที่นายสุนทรเขียนจดหมายออกมาจากเรือนจำ โดยยืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเองนั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ในส่วนเรื่องคดี เนื่องจากเวลานี้พนักงานสอบสวนมีหลักฐานน่าจะครอบคลุมหมดแล้ว เราในฐานะที่ไม่รู้จริง ก็ไม่ควรจะพูดแบบนั้น เมื่อถามว่า ในฐานะที่สนิทกันมาก่อน สจ.โต้งเคยมาบ่นอะไรให้ฟังหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า สนิทกับทั้งสองฝ่าย ไม่ได้สนิทแค่กับ สจ.โต้งอย่างเดียว

ผู้สื่อข่าวถามเรื่องการลงสมัครเลือกตั้งนายกอบจ.ปราจีนบุรี ของ น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือสจ.จอย ซึ่งเป็นภรรยาของ สจ.โต้งนั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เนื่องจากสจ.จอยสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ และมีโอกาสไปเจอกับผู้บริหารพรรคเพื่อไทยแล้ว ว่า สจ.จอยจะลงสมัครชิงนายกอบจ.ปราจีนบุรีในนามพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุ สจ.จอยจึงลังเลใจ และหารือกับตนเอง ในท้ายที่สุดเขาก็มีกำลังใจ ภายหลังจากการเจอกัน ว่าจะลงต่อ ส่วนตน และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีตรมช.มหาดไทย รับปากแล้วว่าจะลงไปช่วยในการเลือกตั้งด้วย

เมื่อถามว่า การผนึกกำลังกันเช่นนี้ คาดว่าจะส่งสจ.จอยลงได้สำเร็จใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า คุยกันชัดเจนแล้วว่าจะช่วยกันสนับสนุน และก็ได้หารือกับ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ว่าควรจะสนับสนุน
ส่วนมีความกังวลกับอิทธิพลเก่าของบ้านใหญ่ที่เกิดเหตุหรือไม่นั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องพวกนี้ เราต้องเชื่อมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจพื้นที่ หรือตำรวจส่วนกลาง เชื่อมั่นว่าหลังจากเกิดเหตุ นี่จะเป็นบทเรียนสำคัญของนักการเมือง ว่าเวลานี้บ้านเมืองเปลี่ยนไปแล้ว เราจะมาใช้ระบบเดิมๆ ไม่ได้ เมื่อถามว่า ไม่กลัวเสียมิตรกับนายสุนทรใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ได้ไปทำอะไรให้นายสุนทรเสียหาย เรามีอุดมการณ์ทางการเมืองชัดเจน ใครที่ดี และเห็นว่าจะทำให้บ้านเมืองเจริญเราก็สนับสนุน สิ่งสำคัญคือรับปากสจ.โต้งก่อนตายแล้ว ว่าจะช่วย ก็ต้องช่วย

สำหรับเรื่องการดูแลเรื่องความปลอดภัยของสจ.จอยนั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่วาว่า เจ้าตัวได้ขอกำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มครองเขาอยู่แล้ว