กรมชลฯ กางผลศึกษาการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(EHIA) การพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ “มรดกโลก” ในลุ่มน้ำแม่น้ำปราจีนฯตอนล่าง-ลุ่มน้ำแม่น้ำหนุมาน-ลุ่มน้ำใสน้อย-ใสใหญ่ ย้ำยึดแนวทางพัฒนาที่กระทบพื้นที่มรดกโลกน้อยที่สุด และสามารถแก้ปัญหาอุทกภัย-ภัยแล้งให้ชาวปราจีนได้อย่างยั่งยืน

นายสุรชาติ มาลาศรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการ กรมชลประทาน ได้นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้า”โครงการที่ต้องทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการกิจการหรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนอย่างรุนแรง (EHIA) โครงการศึกษาแผนการพัฒนาแหล่งน้ำและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในลุ่มน้ำใสน้อย-ใส่ใหญ่ จังหวัดปราจีนบุรี” พร้อมชี้แจงความก้าวหน้าโครงการฯให้กับชาวบ้านในจำนวน3จุด ประกอบด้วยบริเวณพื้นที่หัวงานโครงการ พื้นที่ที่กำหนดให้เป็นพื้นที่น้ำท่วม บริเวณบ้านสะพานหิน ต.สะพานหิน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี และพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของประตูระบายน้ำแควหนุมาน บริเวณบ้านโนนเกาะลอ ต.นาแขม อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี  โดยมี ดร.ไชยทัศน์ อิ่มสำราญรัชต์ บริษัท ธารา คอนซัลแตนท์ จำกัด ที่ปรึกษาโครงการฯ ชี้แจงความก้าวหน้าโครงการและแผนดำเนินงาน

นายสุรชาติ มาลาศรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการ กรมชลประทาน กล่าวถึงความเป็นมาของโครงการฯว่า เนื่องจากเมื่อปี 2550 กรมชลประทาน ได้ดำเนินโครงการศึกษาทบทวนความเหมาะสมของโครงการอ่างเก็บน้ำใสน้อย-ใสใหญ่ จังหวัดปราจีนบุรี ได้ข้อสรุปว่าโครงการอ่างเก็บน้ำใสน้อย-ใสใหญ่ ได้ถูกกำหนดไว้ในการศึกษาแผนหลักการพัฒนาลุ่มน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบไว้แล้ว แต่เนื่องจากพื้นที่ที่ขออนุญาตตั้งโครงการอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่  ซึ่งปัจจุบันได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกพ.ศ.2548 อาจเกิดผลกระทบจากภัยคุกคามต่อพื้นที่แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติที่มีคุณค่าโดดเด่นเป็นสากล ในขณะที่อ่างเก็บน้ำมีขนาดความจุเกิน100ล้านลบ.ม. จึงจัดอยู่ในประเภทและขนาดโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อขุมขนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ (EHIA)    

สำหรับวัตถุประสงค์ของโครงการฯ  เพื่อศึกษาแผนหลักการพัฒนาลุ่มน้ำใสน้อย-ใสใหญ่และการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบและเพื่อศึกษาความเหมาะสมของโครงการที่ให้ประสิทธิผลตามมาตรการการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำและอุทกภัยจากที่กำหนดไว้ในผลการศึกษาแผนการพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำใสน้อย-ใสใหญ่ และจัดทำรายงานEHIA ที่สอดคล้องและเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และแผนติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIMP) ตลอดจนประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชนและของทุกภาคส่วน 

โดยขณะนี้การดำเนินการโครงการมีความก้าวหน้าตามลำดับ ได้มีการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โดยมีหน่วยงานราชการทั้งระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่เป้าหมาย 4 อำเภอของจังหวัดปราจีนบุรี ประกอบด้วย อำเภอนาดี อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอประจันตคาม และอำเภอศรีมโหสถ ร่วมแสดงความคิดเห็นและกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม EHIA ตลอดจนความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมในด้านต่างๆ ต่อแนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำแม่น้ำปราจีนบุรีตอนล่าง ลุ่มน้ำแม่น้ำหนุมาน และลุ่มน้ำใสน้อย-ใสใหญ่

ทั้งนี้ หากการดำเนินการแล้วเสร็จโครงการดังกล่าวฯจะช่วยป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในช่วงฤดูฝนอันจะทำให้คุณภาพชีวิตของราษฎรในพื้นที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  โดยในผลการศึกษาได้มีการเสนอแนะให้ดำเนินโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำในแควหนุมาน บริเวณบ้านโนนเกาะลอ ตำบลนาแขม อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ที่มีอัตราการระบายน้ำ (รอบ 100 ปี) 740 ลบ.ม./วินาที พื้นที่หัวงาน 282 ไร่ มีระบบส่งน้ำและพื้นที่รับประโยชน์ ประกอบด้วย สถานีสูบน้ำปัจจุบัน 3 แห่ง และสถานีสูบน้ำพร้อมระบบส่งน้ำใหม่อีก 10 แห่ง และแนวท่อสูบน้ำจากหน้าประตูระบายน้ำในแควหนุมานไปลงบ่อพักน้ำของโครงการท่าแหขยาย เป็นโครงการพัฒนาตามแผนระยะกลาง (พ.ศ. 2571-2575) และโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำใสน้อยตอนล่าง บริเวณบ้านสะพานหิน ตำบลสะพานหิน อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี พื้นที่รับน้ำลงอ่างเก็บน้ำ 166.33 ตารางกิโลเมตร ปริมาณฝนเฉลี่ยทั้งปี 1,782.91 มิลลิเมตร ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำเฉลี่ยต่อปี 159.52 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่หัวงานประมาณ 590.63 ไร่ อาคารหัวงานชนิดเขื่อนดินแบบแบ่งโซนมีความยาวสันเขื่อน 367.00เมตร เป็นโครงการพัฒนาตามแผนระยะยาว (พ.ศ. 2576-2580) เพื่อไปดำเนินการศึกษาขั้นความเหมาะสมของโครงการต่อไป 

“สำหรับผลประโยชน์ที่จะได้รับหลังจาก 2 โครงการฯแล้วเสร็จจะมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ทั้งหมด 63,186 ไร่ ประกอบด้วย พื้นที่รับประโยชน์ฝั่งขวา 32,257 ไร่ และพื้นที่รับประโยชน์ท่าแหขยาย 30,929 ไร่ ในขณะการศึกษาฯได้ยึดแนวทางการพัฒนาที่มีความเหมาะสมกระทบพื้นที่มรดกโลกน้อยที่สุด ซึ่งกรมชลประทานมีความเชื่อมั่นว่าหากมีการพัฒนาโครงการแล้วจะสามารถแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภคและบรรเทาอุทกภัยครอบคลุมพื้นที่เขตอำเภอเมืองปราจีนบุรี นาดี กบินทร์บุรี ประจันตคาม และสองฝั่งของแม่น้ำปราจีนบุรีก็จะได้รับประโยชน์จากโครงการฯนี้ด้วย” นายสุชาติ กล่าวย้ำ 

ด้านนายบัณฑิต ชาดา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.สะพานหิน อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ชาวบ้านมีความความหวังกับการก่อสร้างโครงการอย่างมาก อยากให้กรมชลประทานเร่งก่อสร้างให้เร็วเพราะปัจจุบันชุมชนสะพานหินมีความเดือดร้อนจากปัญหาขาดแคลนน้ำกิน น้ำใจและการเพาะปลูกอย่างมากทำให้ขาดรายได้ในช่วงหน้าแล้ง  เนื่องจากพื้นที่ตำบลสะพานหิน อ.นาดีซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุม 4,090 ไร่ ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม อาทิ ทำนา ทำไร่สำปะหลังและปลูกยางพารา  สมัยก่อนแม้จะเป็นช่วงฤดูแล้งแต่ยังมีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร  แต่มาระยะหลังพอถึงฤดูร้อนจะประสบปัญหาแห้งแล้งหนัก  ตามคู คลองน้ำแห้งเหือดจนไม่สามารถทำการเกษตรได้ ถ้าหากโครงการแล้วเสร็จเชื่อมั่นว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาความเดือนร้อนของคนในชุมชนได้อย่างมาก ส่วนปัญหาผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการ  จากการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง ทำชาวชุมชนสะพานหินมีความรู้ ความเข้าใจแผนการศึกษาอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่เห็นด้วยในการก่อสร้างโครงการนี้  เพราะเชื่อมั่นว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง และทำให้กิน น้ำใช้และการทำเพาะปลูกเพียงพอในระยะยาว