วันที่ 18 ธ.ค. 67 เวลา 15.00 น. พล.ต.ต.ปรารถนา แผ่นผา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี พ.ต.อ.คมกฤษณ์ คำบุศย์ ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.สมชาย ชูแก้ว ผกก.สภ.ชัยพฤกษ์ พ.ต.อ.สมชาย แจ้งธรรมมา ผกก.สภ.บางศรีเมือง พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ พงศ์ธนารักษ์ ผกก.สภ.บางกรวย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนภาค 1 และกองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดนนทบุรี ได้ร่วมกันจับกุมตัว 2 ชาวเวียดนาม พร้อมของกลางกว่า 500 รายการ โดยจะเป็นอุปกรณ์เครื่องมือช่าง โทรศัพท์มือถือ สิ่งของอิเล็กทรอนิกส์ พระเครื่อง รองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้ากางเกงต่างๆ และเงินสด โดยจับกุมตัวได้ที่โรงแรมทิวลิปโฮเต็ล ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน”
โดยพล.ต.ต.ปรารถนา เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากวันที่ 9 ธ.ค. 67 สภ.ชัยพฤกษ์ ได้รับแจ้งว่ามีคนร้าย 2 ราย ก่อเหตุงัดแงะหลายเคสติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งเขตบางบัวทอง บางกรวย ชัยพฤกษ์ แบ่งเป็นก่อเหตุพื้นที่สภ.บางกรวย 7 ครั้ง พื้นที่สภ.ชัยพฤกษ์ 3 ครั้ง และพื้นที่สภ.บางบังทอง 2 ครั้ง ในการก่อเหตุจะเป็นการก่อเหตุลักษณะ ตระเวนลักทรัพย์ในโชว์รูมรถ งัดตู้เซฟ รวมถึงมีการทุบกระจกรถยนต์แล้วลักทรัพย์ ตนจึงสั่งการให้ชุดสืบสวนของพื้นที่และชุดสืบสวนของจังหวัดนนทบุรี ทำประวัติสืบสวนในกล้องวงจรปิดกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งผู้ต้องหาก่อเหตุที่สภ.ชัยพฤกษ์เป็นพื้นที่แรก หลังจากนั้นไล่ก่อเหตุไปเรื่อยๆ
ซึ่งจากการจับกุมตรวจพบกล้องวงจรปิดจุดที่ลงแท็กซี่ของเขตบางศรีเมือง จึงตามมาจับได้ที่โรงแรมดังกล่าว ทางตนจึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย หลังจากนั้นได้เข้าตรวจสอบจึงพบของกลางอยู่ในห้องจำนวนมาก ซึ่งการก่อเหตุของผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไปก่อเหตุที่โชว์รูมรถ และถ้าผ่านจุดไหนจะเข้าไปขโมยทั้งหมด ตระเวนไปเรื่อยๆ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนเป็นชาวเวียดนาม เข้ามาประเทศไทยอย่างถูกกฎหมาย โดยเข้ามาท่องเที่ยว
อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบเพิ่มเติม ทั้งทางโรงแรมให้ที่พักพิงผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย โดยไม่ใช้เอกสารตามกฏหมาย และจะโดนกฎหมายให้ที่พักพิงกับผู้ต้องหา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงไม่สามารถจับกุมได้ตอนแรก ตอนนี้จะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติมโดยใช้ล่าม เพราะผู้ต้องหา 1 คน พูดภาษาไทยไม่ได้ ส่วนอีก 1 คน สามารถพูดไทยได้เล็กน้อย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตั้งข้อหาคือร่วมกันลักทรัพย์ ทำอันตราย และรับของโจร
ด้าน นายนึก อายุ 34 ปี ชาวเวียดนาม ผู้ต้องหา อ้างว่าตนไม่ได้เป็นคนก่อเหตุ เพื่อนตนเป็นคนออกไปก่อเหตุเพียงคนเดียว โดยเข้ามาเมืองไทยตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. 67 โดยตนตกงาน และไม่มีงานทำ