เข้าทำนองสำนวนไทยที่ว่า “น้ำลดตอผุด” โดยแท้

สำหรับ สถานการณ์ใน “ซีเรีย” ที่ปรากฏว่า “รัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด” ถูกกลุ่มกบฏ “ฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม” โค่นอำนาจไป เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา กระทั่งทำให้ประธานาธิบดีอัสซาดและครอบครัว ต้องรีบเผ่นหนีออกนอกประเทศอย่างปัจจุบันทันด่วน ก่อนหน้าที่กลุ่มกบฏฯ จะบุกยึด “กรุงดามัสกัส” เมืองหลวงของซีเรีย ไม่กี่อึดใจ ด้วยการลี้ภัยไปยัง “รัสเซีย” ประเทศพันธมิตรของเขาที่มี “ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน” เป็นผู้นำ

เมื่อระบอบอัสซาดถูกโค่นจนล้มไป อันเปรียบได้กับภาวะ “ น้ำลด” ปรากฏว่า “ตอ” ที่เคยอยู่ใต้น้ำ ก็ผุดโผล่ขึ้นมา ให้ประชาชาวโลกได้เห็นกัน นั่นคือ พบว่า “กิจกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของซีเรีย” ใน “ยุคอัสซาดครองเมือง” นั้น แท้จริงแล้วมาจากการผลิต การค้า การขาย “แคปตากอน (Captagon)” ไปในประเทศต่างๆ

กลุ่มกบฏ “ฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม” เข้าตรวจยึดยาเสพติดชนิด “แคปตากอน” ที่โกดังแห่งหนึ่งในซีเรีย (Photo : AFP)

โดย “แคปตากอน” ที่ว่า เป็นยาเสพติดชนิดเม็ด มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท โดยมีส่วนประกอบเป็นสารแอมเฟตามีน คล้าย “ยาบ้า” ของไทย ซึ่งแคปตากอน ถูกขึ้นบัญชีเป็นหนึ่งสารเสพติดด้วย

ตามการเปิดเผยของ “สถาบันนิวไลน์ส” หน่วยงานด้านคลังสมอง ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ในซีเรียมีการผลิตแคปตากอนกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ระดับเป็นทางการของรัฐบาลซีเรีย ภายใต้การนำของประธานาธิบดีอัสซาดเลยก็ว่าได้ โดยดำเนินการผลิตเป็นอุตสาหกรรมกันเลยทีเดียว

สาเหตุที่ทำให้ทางการซีเรียภายใต้การนำของประธานาธิบดีอัสซาด ต้องกระโจนเข้าสู่วงการยาเสพติดชนิดนี้ ก็เป็นผลมาจากการที่บรรดาชาติมหาอำนาจตะวันตก ที่นำโดยสหรัฐฯ พากันบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร หรือแซงก์ชันต่อซีเรียเป็นประการต่างๆ รวมถึงด้านเศรษฐกิจ พาณิชย์ การค้า การขายกับทางการซีเรียของประธานาธิบดีอัสซาด อันเป็นผลพวงมาจากสงครามกลางเมืองในซีเรีย ที่ต้องเข่นฆ่าประชาชน จนส่งผลกระทบต่อสถานการณ์เศรษฐกิจซีเรียโดยรวม ต้องประสบกับภาวะอัตคัดฝืดเคือง ทำให้ซีเรีย ต้องกระโดดเข้าร่วมวงการยาเสพติดโลก

โดยยาเสพติดที่ทางการซีเรีย เลือกแล้วก็คือ “แคปตากอน” หรือที่หลายคนเรียกว่า “ยาบ้าไอเอส” บ้าง “ยาบ้าไอซิส” บ้าง ตามการนิยมใช้ นิยมเสพ ในหมู่สมาชิกกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส หรือไอซิส ในยุคที่กลุ่มไอเอส หรือไอซิส ผงาดขึ้นมาเป็นขบวนการก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรงระดับแถวหน้าในพื้นที่ทางตะวันออกของซีเรีย คาบเกี่ยวกับทางตอนเหนือของอิรัก เมื่อหลายปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ มีรายงานว่า สมาชิกกลุ่มรัฐอิสลาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมาชิกที่เป็นฝ่ายกองกำลัง หรือติดอาวุธ สำหรับ สู้รบ หรือก่อเหตุวินาศกรรม ปฏิบัติการก่อการร้ายต่างๆ ได้นั้น เป็นเพราะแรงกระตุ้นจิตใจให้กล้าหาญ หรือ “ใจถึง” ที่จะลงมือทำ ลงมือก่อเหตุ มากกว่าคนปกติทั่วไป ก็เป็นผลมาจากการกระตุ้นของฤทธิ์ยาเสพติดชนิดนี้ จนบางทีเรียก “แคปตากอน” นี้ว่า “ความกล้าหาญทางเคมี (Chemical courage)”

โดยมีรายงานด้วยว่า กระทั่งกลุ่มติดอาวุธฮามมาส ที่ก่อเหตุเปิดฉากโจมตีอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว ปรากฏว่า สมาชิกกลุ่มติดอาวุธเหล่านั้น ก็เสพยาเสพติดชนิด “แคปตากอน” นี้เข้าไป เพื่อย้อมใจเหล่าสมาชิก ก่อนลงมือก่อการเขย่าโลกในครั้งกระนั้นด้วย

นอกจากเป็นที่นิยมเสพในหมู่สมาชิกกลุ่มก่อการร้ายไอเอส ไอซิส ตลอดจนกลุ่มก่อการ้าย กลุ่มติดอาวุธอิสลามหัวรุนแรงทั้งหลายแล้ว “แคปตากอน” ก็ยังได้รับการกล่าวขานว่า ได้รับความนิยมในการเสพไปในหลายประเทศของภูมิภาคตะวันออกกลางก็ว่าได้ ถึงขนาดจัดว่าเป็นชนิดยาเสพติดยอดฮิตทั่วทั้งภูมิภาคตะวันออกกลางกันเลยทีเดียวก็ว่าได้

ยาเสพติดชนิด “แคปตากอน” ซึ่งขบวนการค้ายาเสพติดซุกซ่อนมากับลังแอปเปิล หนึ่งในวิธีลอบส่งยาเสพติดไปจำหน่ายในประเทศต่างๆ

มีรายงานว่า ตั้งแต่คนขับรถบรรทุก คนขับรถรับจ้างเอกชน หรือแท็กซี่ และคนงานแบกสิ่งของทั้งหลาย รวมไปจนถึงผู้ที่ทำงานด้านการต่อสู้ ก่อการร้าย ก่อวินาศกรรมทั้งหลาย ล้วนใช้ “แคปตากอน” ที่ว่านี้แทบจะทั้งสิ้น มากกว่าการใช้สารเสพติดชนิดอื่นๆ แม้กระทั่ง “โคเคน” หรือ “โคเคอีน” สารเสพติดยอดฮิตในภูมิภาคอื่นๆ เช่น ยุโรป และอเมริกา เมื่อมาเปรียบเทียบกับการนิยมใช้ นิยมเสพ “แคปตากอน” ในประเทศต่างๆ ของภูมิภาคตะวันออกกลางแล้ว ก็ต้องบอกว่า ยังไม่ใช่คู่ต่อกร หรือว่า ยังห่างไกล เมื่อจะมาเทียบชั้นกับ “แคปตากอน”

ไม่เว้นแม้กระทั่งคนในราชวงศ์ของซาอุดีอาระเบีย ระดับ “เจ้าชาย” ก็ยังเคยมีประวัติถูกจับกุมโทษฐานลักลอบขนยาเสพติดชนิด “แคปตากอน” กันมาแล้ว

อย่างในรายของ “เจ้าชายอับดุล โมห์เซน บิน วาลิด บิน อับดุลลาซิซ” แห่งราชวงศ์ซาอุด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งตกเป็น 1 ใน 5 ผู้ต้องหาที่ลักลอบขนยาเสพติดชนิด “แคปตากอน” จำนวนน้ำหนักถึง 2 ตัน หรือ 2,000 กิโลกรัม ที่ถูกจับกุมที่ท่าอากาศยานนานาชาติ ในกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อหลายปีก่อน

เมื่อ “แคปตากอน” ยอดฮิต นิยมเสพ จนขายดิบ ขายดี ราวกับเทน้ำ เทท่า เยี่ยงนี้ “ซีเรีย” ในฐานะประเทศผู้ผลิตสารเสพติดชนิดนี้ระดับชั้นนำ ก็ทำให้มีรายได้เข้าประเทศเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งผู้ที่กำเงินจากการค้า การขาย “แคปตากอน” ในซีเรีย ก็มิใช่ใครอื่น แต่เป็นเจ้าของระบอบการปกครอง นั่นคือ ประธานาธิบดีอัสซาด นั่นเอง

ตามการประเมินของ “สถาบันนิวไลน์ส” ระบุว่า ตลาดแคปตากอนแต่ละปี มีมูลค่าการซื้อขายมากถึง 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยราวกว่า 1.94 แสนล้านบาท) ในจำนวนนี้เข้ากระเป๋าระบอบอัสซาดมากถึง 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี (คิดเป็นเงินไทยราว 8.2 หมื่นล้านบาท)

ยาเสพติดชนิด “แคปตากอน” และชนิดอื่นๆ พร้อมทั้งเงินของกลาง ในปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดของทางการประเทศแห่งหนึ่งในภูมิภาคตะวันออกกลาง (Photo : AFP)

โดยเม็ดเงินเหล่านี้ ทาง “สถาบันนิวไลน์ส” รายงานว่า ทางระบอบอัสซาด ใช้เป็นแหล่งเงินทุนแหล่งหนึ่ง หรือท่อน้ำเลี้ยง สำหรับใช้เพื่อการทำสงครามกลางเมือง ในการปราบปรามกลุ่มกบฏต่างๆ และการทำสงครามต่อต้านก่อการร้ายกับกลุ่มรัฐอิสลาม และกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่งอื่นๆ อีกด้วย

ทั้งนี้ ภายหลังจากระบอบอัสซาด ถูกกลุ่มกบฏ “ฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม” โค่นล้มไป ก็ได้ยาสพติดชนิด “แคปตากอน” นี้เป็นจำนวนมากในสถานที่แหล่งผลิต ตามเมืองต่างๆ เช่น ที่เมืองดูมา ทางภาคตะวันออกของประเทศ ไม่เว้นกระทั่งทางตะวันตกชานกรุงดามัสกัส เมืองหลวงซีเรีย ท่ามกลางความหวั่นวิตกในแวดวงการปราบปรามยาเสพติดว่า กลุ่มกบฏฯ ดังกล่าวจะรับไม้ต่อในอุตสาหกรรมยานรกนี้ แม้ว่าทาง “นายอาบู โมฮัมหมัด อัล-จูลานี” ออกมาประกาศว่า จะกวาดล้างขบวนการยาเสพติดในซีเรีย รวมถึงยาแคปตากอนนี้ด้วยก็ตาม ด้วยมูลค่าเม็ดเงินในแต่ละปีจำนวนมหาศาล ที่ทางซีเรียในยุคเปลี่ยนผ่านนี้ ก็มีความจำเป็นต้องใช้เงินเป็นอย่างมากเช่นกัน ทำให้การทำลายอาณาจักรแคปตากอนในซีเรียมิใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะจัดการ