ปมขัดแย้งร้านบีบีกันบานปลาย ควงมีด-ปืน หมายเปิดศึกกลางวอล์กกิ้งสตรีท
จากกรณี เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุทะเลาะวิวาท นายชาติ หรือจ๊อบ อายุ 43 ปี ผู้ดูแลร้านปืนบีบีกันอัดแก๊ส ถูกนายนิรัญ หรือ แจ๊บ อายุ 43 ปี พ่อค้ากัญชา อาวุธมีด และเป็นผู้ดูแลร้านปืนอัดแก๊สอีกร้าน ชกเข้าที่จมูกได้รับบาดเจ็บ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ควบคุมตัวทั้งสองฝ่ายมาสอบสวน เพื่อดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 04.06 น.วันที่ 17 ธ.ค.67 ร.ต.อ.วุฒิกรณ์ ปลอดโปร่ง รอง สวป.สภ.เมืองพัทยา รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวว่าเกิดเหตุทะเลาะวิวาท โดยทั้งสองฝ่ายมีอาวุธครบมือ ทั้งมีดและอาวุธปืนกำลังเตรียมที่จะเข้าประจัญบานกัน หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชา พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ให้ทราบ ก่อนนำกำลังรีบไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุ พบนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศอยู่ในอาการแตกตื่นตกใจ หวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนผู้ก่อเหตุฝ่ายหนึ่งได้หลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว เหลือเพียงนายนิรัญ หรือ แจ๊บ อายุ 43 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากคมมีดที่ชายโครงซ้าย ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า คู่กรณีคือคนที่ก่อเหตุเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้เปรียบเทียบปรับไปแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดฝ่ายคู่กรณีไม่ยอมจบ แต่กลับยกพวกมาหวังล้างแค้นแทนนายชาติ หรือจ๊อบ อายุ 43 ปี
เจ้าหน้าที่ ได้เชิญตัวนายนิรัญ หรือ แจ๊บ อายุ 43 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บ จากคมมีดโดยเจ้าตัวให้ข้อมูลว่าคู่กรณีขว้างใส่ จึงเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน ส่วนการตรวจค้นในที่เกิดเหตุไม่พบอาวุธปืนของทั้งสองฝ่ายแต่อย่างใด และไม่มีรายงานว่านักท่องเที่ยวหรือชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ มีเพียงอยู่ในอาการตกใจกลัวเท่านั้น
ในขณะที่นักท่องเที่ยวสามารถบันทึกภาพวินาทีที่ทั้งสองฝ่ายเตรียมจู่โจมเข้าประจันบานกันไว้ได้บางส่วน โดยพบว่าในมือของนายนิรัญ หรือ แจ๊บ อายุ 43 ปี ถืออาวุธปืนทำท่าทางจดๆ จ้องๆ กวัดแกว่งปากกระบอกปืนไปมา พร้อมกับคนท้าทายให้คู่กรณีเข้ามา ทำให้นักท่องเที่ยวพี่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันวิ่งหลบหนีตายกันจัาละหวั่น นอกจากนี้ ยังมีพลเมืองดีคอยห้ามศึกทั้งสองฝ่าย เพราะเกรงว่าจะมีนักท่องเที่ยวและประชาชน ที่ไม่รู้เรื่องโดนลูกหลงไปด้วย
เบื้องต้น พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสกลุ่มวัยรุ่นของร้านบีบีกันอัดแก๊สทั้งสองร้าน จากพยานแวดล้อมและกล้องวงจรปิด ซึ่งเชื่อว่าสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ทั้งหมด รวมถึงเรื่องพกพาอาวุธปืนเข้าไปในแหล่งท่องเที่ยว จะต้องถูกดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม การกระทำของทั้งสองกลุ่ม ถือเป็นการทำลายภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยวโดยตรง รวมถึงเป็นบุคคลอันตรายก่อเหตุโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ซึ่งขัดแย้งกับนโยบายของภาครัฐเป็นอย่างมาก นอกจากนี้จะมีการพิจารณาในเรื่องของผู้ประกอบการทั้งร้านบีบีการอัดแก๊ส อาวุธมีดต่างๆ ที่ตั้งขายและเปิดให้บริการในแหล่งท่องเที่ยวว่ามีความเหมาะสมหรือไม่เนื่องจากบุคลากรของร้านมีพฤติกรรมความรุนแรง ซึ่งเกรงว่า อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อนักท่องเที่ยวได้ ในอนาคต