นิพัทธ์’ เป็นประธานเปิดโครงการขับเคลื่อนการประเมินความเสี่ยงการทุจริตภาครัฐ ลั่น ไทยต้องติด 1 ใน 20 ในปี 76-80

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 ธันวาคม ที่ห้องแซฟไฟร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี(นายภูมิธรรม เวชยชัย) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการขับเคลื่อนการประเมินความเสี่ยงการทุจริตภาครัฐ ครั้งที่ 1 

พล.อ.นิพัทธ์ กล่าวว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้ตนมาแทน เพราะการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขยับเวลาขึ้นมา เนื่องจากมีรัฐมนตรีบางท่านต้องเดินทางไปดูสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งตนดีใจที่ได้มางานวันนี้ อย่างไรก็ตาม การทุจริตเป็นภัยเงียบที่สร้างความเสียหายต่อบ้านเมือง ที่ผ่านมาเราได้เห็นบทเรียนมากมาย จากอดีตจนถึงปัจจุบันที่มีการทุจริตในโครงการขนาดใหญ่ ทั้งในเรื่องของตัวเงินและการสูญเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศด้านต่างๆ รวมถึงทำให้เศรษฐกิจของประเทศหยุดชะงัก ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนชาวไทยและชาวต่างชาติ ความศรัทธาต่อระบบราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ลดถอยลง

พล.อ.นิพัทธ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ นโยบายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันการทุจริต มุ่งเน้นการปฏิรูประบบราชการให้มีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส ลดอำนาจเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนมากขึ้น รวมถึงตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน ซึ่งครอบคลุมถึงการปฏิรูประบบราชการ การต่อต้านการทุจริต ส่งเสริมการมีส่วนรวมของประชาชนเพื่อสร้างระบบการจัดการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน นอกจากนี้ ยังมีการเสนแแก้กฎหมายที่ล้าสมัยที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติและเป็นช่องว่างให้เกิดการทุจริต 

พล.อ.นิพัทธ์ กล่าวอีกว่า ย้ำว่าการทุจริตภาครัฐเป็นปัญหาที่บั่นทอน เศรษฐกิจและสังคม การทุจริตสร้างความเสียหายต่อสังคมและประชาชนเป็นอย่างมาก แต่รัฐบาลให้ความสำคัญและผลักดันให้มีการสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบาย โดยขั้นตอนนี้สามารถดำเนินการได้ ในการทำนโยบายที่นำไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงาน ฉะนั้น หน่วยงานของรัฐจึงต้องมีมาตรการเพื่อป้องกันให้ดีเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและปลอดการทุจริต

“มีตัวชี้วัดสำคัญคือค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตของไทยจะต้องอยู่ในอันดับ 1 ใน 20 หรือมีคะแนนประมาณ 73 คะแนน ภายในปี 2576-2580 โดยมุ่งเน้นปรับระบบเพื่อจำนวนลดคดีทุจริตและประพฤติมิชอบในหน่วยงานของรัฐ และมุ่งเน้นการทำงานที่มีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นการสร้างมาตรการที่ต่อต้านการทุจริต” พล.อ.นิพัทธ์ กล่าว