“อนุสรณ์” ยันผลงาน 3 เดือนรัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์” มาถูกทางแล้ว รอเวลาผลิดอกออกผล "ภูมิธรรม" บอกมอบรัฐบาลทำงาน 3 เดือนน้อย ระบุหากดูภาพรวมผลเป็นบวก ให้รอดูปีหน้าผลงานดีๆ ออกมาแน่ ด้าน วิโรจน์' เย้ยนายกฯ ลูกไม้หล่นไกลต้น บอกคว้าอันดับ 29 สตรีทรงอิทธิพลโลก เพราะบารมีพ่อ จวก'ภูมิธรรม' ขายฝันผลงานรัฐบาล จับตาเสถียรภาพรัฐบาลตอนนี้ถูกบีบคอจากพรรคร่วมฯ ขณะที่ฝ่ายค้านนัดดินเนอร์พุธนี้ "ลุงป้อม" เมินร่วมวง ส่งตัวแทนเข้าร่วม

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.67 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีสวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจ 3 เดือนรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนมองนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท เห็นผลชัดสุดแต่ยังไม่เชื่อมั่นแก้เศรษฐกิจ ชี้ ควรแก้ปัญหาค่าครองชีพ สร้างงาน เพิ่มรายได้ โดยด่วน ว่า รัฐบาลยินดีพร้อมรับฟังและน้อมรับเสียงสะท้อนจากประชาชนทุกมิติ ความจริงถ้าไปดูในรายละเอียดจะพบว่าแม้จะมีประชาชนร้อยละ 54.99 ยังไม่เชื่อมั่นในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่ก็มีประชาชนที่เชื่อมั่นถึงร้อยละ 45.01 ถือว่าไม่ห่างกันมากนักกับระยะเวลาที่รัฐบาลแพทองธารเพิ่งเข้ามาทำงานได้ 3 เดือน ในขณะที่พบว่าประชาชนสะท้อนว่านโยบายของรัฐบาลที่เห็นผลชัดเจนที่สุดใน 3 เดือนที่ผ่านมา อันดับ 1 คือ แจกเงิน 10,000 บาท 71.44% อันดับ 2 กระตุ้นการท่องเที่ยว 56.69% ประชาชนร้อยละ 49.38


นายอนุสรณ์ กล่าวว่า มองจุดแข็งของรัฐบาลแพทองธารคือการมีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ รัฐบาลเพิ่งเข้ามาทำงานได้ 3 เดือน ทำได้ขนาดนี้ถือว่ามาถูกทาง เชื่อว่าเมื่อรัฐบาลได้ขับเคลื่อนนโยบายเรือธงสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ ดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 2 เฟส 3 ที่กำลังจะทยอยออกตามมา ประกอบกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจทั้งระบบ แก้ปัญหาค่าครองชีพ สร้างงาน เพิ่มรายได้ให้ประชาชน ควบคู่กับการจัดระเบียบแก้หนี้ ยกระดับราคาสินค้าเกษตรขึ้นยกแผง เชื่อว่านโยบายและผลงานทั้งหมดจะทยอยผลิดอกออกผลในระยะอันใกล้
“รัฐบาลแพทองธารมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้ประชาชน และขอให้เชื่อมั่นว่า ระยะต่อจากนี้ไปผลงานของรัฐบาลที่จะออกมาจะกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน”

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ตนมองว่าโพลถามเฉพาะบางข้อไม่ได้ แต่ต้องดูผลโพลสวนดุสิตทั้งระบบ และจริงๆ หากดูทุกข้อเป็นบวกมากกว่าเป็นลบ การที่ยังบอกว่าไม่เชื่อมั่นคือไม่มั่นใจ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลเพิ่งทำงาน 3 เดือน ผลงานทางด้านเศรษฐกิจเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตที่ประชาชนพอใจมาก และอีกหลายเรื่องที่เชื่อมั่น ดังนั้นการที่ยังไม่เชื่อมั่นและผลออกมามากกว่า 50% ที่หมิ่นเหม่มีแบบนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าดูทั้งระบบความไม่เชื่อมั่นเกิดขึ้นจากสภาพการทำงานที่ยังมีเวลาน้อยไป บางที 3 เดือน ยังไม่ทันทำอะไรที่เป็นผลงานออกมา ทำได้เพียงเริ่มต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องทำต่อไป ตนคิดว่าเวลาน้อยไปที่จะถามคำถามนี้ แต่ก็เป็นการถามเพื่อเป็นแนวให้รู้ว่าประชาชนยังไม่มั่นใจว่ารัฐบาลได้ทำอะไรไปบ้าง เขาก็จะรอดูแต่เขาไม่ได้ปฏิเสธว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้ไม่มีความสามารถ ดังนั้นหากดูโดยรวมไม่มีปัญหาอะไร ถ้าดูโดยรวมผลออกมาเป็นบวกทั้งหมดจึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลใจ อย่าไปหยิบเฉพาะบางเรื่องบางส่วนมาถาม เพราะจะมองไม่เห็นภาพรวมทั้งหมด

เมื่อถามว่า ปี 2568 จะต้องเร่งแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจก่อนหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาหลักคู่กับปัญหายาเสพติดและระบบน้ำ เพราะระบบน้ำก็เกี่ยวพันกับระบบเศรษฐกิจ หากเราทำให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งตนเคยบอกแล้วว่าปัญหาความหมักหมมของระบบเศรษฐกิจไทยมีมายาวนานว่า 10 ปีแล้ว ขณะนี้เรากำลังดึงมันขึ้นมา ซึ่งรัฐบาลทำแบบลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส ซึ่งจะเห็นอย่างโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่เราอยากทำตั้งแต่แรก มันก็ยังไม่ทำเพราะขาดความเข้าใจกัน แต่รัฐบาลนี้ใช้ความร่วมมือและการรับฟังจากทุกฝ่ายในการแก้ปัญหา แม้จะช้าไปหน่อยแต่เราก็รีบทำ จะเห็นว่าดิจิทัลวอลเล็ตกำลังจะหมด และมีระลอกใหม่ที่เรากำลังจะดำเนินการอีกหลายเรื่อง เมื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจเสร็จ เราจะแก้ปัญหาระบบน้ำทั้งระบบเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรมากขึ้น ควบคู่กับการหาตลาดให้พี่น้องเกษตรกรขายผลิตผลได้มากขึ้น ยาเสพติดก็เป็นอีกปัญหาที่สำคัญ การแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งก็เป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้นรัฐบาลกำลังทำทุกอย่างให้เดินหน้าไป ปีหน้าเป็นปีที่เราต้องทำงานหนัก ตอนนี้เราทำงานมา 3 เดือนถือเป็นการวางรากฐาน มองอย่างไรก็คงยังไม่เห็นผลงานที่เป็นรูปธรรมได้ชัดเจนเพียงพอ

“ปีหน้าขอให้ประชาชนรอดูผลงาน ซึ่งจะมีผลงานดีๆ ออกมาอีกมาก เชื่อว่าปีหน้าจะเป็นปีในการเริ่มต้นสร้างโอกาสตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายเอาไว้”
ด้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ตอบโต้สวนดุสิตโพลที่ระบุ3 เดือนรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ประชาชน 54.99 % ยังไม่เชื่อมั่นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยขอให้ประชาชนรอดูผลงานดีๆ อีกมากในปี 2568 ว่า เชื่อว่ารัฐบาลมีแผนว่าจะทำสิ่งใดบ้าง แต่ไม่กล้าสัญญาอะไรสักอย่างกับประชาชน เพราะเสถียรภาพวันนี้ ถูกบีบคอจากพรรคร่วม โครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะไม่รายงานหน่อยหรือ ผลการแจกเฟสแรกเป็นไปตามแผน หรือไม่ อย่างไร เพราะถ้าไม่ประเมินผลแล้ว จะแจก เฟสที่สองและเฟสที่สามต่อ

นายวิโรจน์ กล่าวว่า การแจกโดยไม่ประเมิณปัญหานำมาปรับปรุง จะซ้ำรอยปัญหาเดิม ส่วนการลดค่าใช้จ่ายประชาชน แผนปีหน้าจะเคลียร์กับนายทุนโรงไฟฟ้า ให้ค่าไฟไม่แพง อย่างเป็นธรรมอย่างไร โดยไม่ใช้วิธีอัดยายซื้อขนมยายเอาเงินภาษีประชาชนไปอุดค่าไฟแพงอย่างไร หรือกรณี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม บอกจะพยายามผลักดันเรื่องตั๋วร่วม ถามว่าแล้วเมื่อไร กล้าหาญพูดหรือเปล่า ปักธงเมื่อไร ไม่ใช่ขายฝันไปเรื่อย แตกต่างจากนโยบายสมัยนายทักษิณ (ชินวัตร) หลายอย่างชัดเจน อาทิ เรื่องกองทุนหมู่บ้าน เป็นต้น รัฐบาลนี้ จะทำอย่างไรให้ประชาชนบางพื้นที่ ที่ยังไม่ฟื้นจากตอนโควิด และยังมีเจออุทกภัยซ้ำอีก ได้เข้าถึงแหล่งเงิน จากสถาบันการเงินได้อย่างไร เดี๋ยวก็ไปเจอปัญหาหนี้นอกระบบอีก

“เงินหมื่นคุณไปดูข่าวสิ บางคนใช้หนี้นอกระบบก็จบแล้ว ถ้าพูดเหมือนนายภูมิธรรม คือให้รอดูแต่ปีหน้า ๆ โดยไม่มีรายละเอียดว่าเมื่อไหร่ คิดว่า คำว่าปีหน้าอย่างนี้ไม่ต่างจากชาติหน้าตอนบ่าย ๆ หรอก” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ต้องย้ำว่าเชื่อรัฐบาลมีแผน แต่พอรัฐบาลขาดเสถียรภาพ นายกฯขาดภาวะผู้นำ นายกฯจะแถลงอะไรต้องมีรัฐมนตรีอาวุโสยืนเป็นวอลเปเปอร์ หันรี หันขวาง รัฐบาลไม่กล้ารับปากอะไรสักอย่าง แตกต่างจากยุคทักษิณอย่างสิ้นเชิง “ต้องเรียกว่า ลูกไม้โอ้โหห่างไกลต้น ห่างไกลแบบไพศาล หลุดวงโคจรของต้นไม้ไปเลย” นายวิโรจน์ กล่าว

สำหรับที่พรรคเพื่อไทยโชว์ผลงานเรื่องการจัดอันดับ Top 100 The World’s Most Powerful Women ประจำปี 2024 ของนิตยสาร Forbes ปรากฏชื่อ น.ส.แพทองธาร ติดอันดับที่ 29 จากสตรีทรงอิทธิพล 100 คนทั่วโลก ว่า เอาอย่างนี้ ถ้าเอาเงาตะคุ่ม ๆ ของนายทักษิณออก น.ส.แพทองธารจะได้อันดับ 29 ของโลกหรือเปล่า นายทักษิณยังให้สัมภาษณ์แทนรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ประหนึ่งนายกรัฐมนตรีอยู่เลย ไม่ใช่หรือ ลองเลิก โดยให้เอาเงาตะคุ่ม ๆ ของนายทักษิณออกสิ
ที่รัฐสภา นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) พร้อมด้วย นายเศรณี อนิลบล สว. แถลงเรื่องการกระตอบกระทู้ในสภา ว่า สว.มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญสามารถตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในภารกิจที่กระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน แต่ปรากฎว่าวันนี้กระทู้ทั่วไปซึ่งต้องยื่นเป็นเอกสารล่วงหน้าก่อน 3 กระทู้ รัฐบาลมาตอบเพียง 1 กระทู้ อีก 2 กระทู้ ถูกเลื่อนออกไปต้นปีหน้า รัฐบาลน่าจะแสดงความรับผิดชอบให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาตอบ ส่วนกระทู้สดไม่ได้ถามเลยแม้แต่กระทู้เดียวโดยรัฐบาลอ้างว่ามอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทยมาตอบ แต่ทางรัฐมนตรีก็เลื่อนออกไปอีก

นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องที่ตนยื่นนั้นเป็นเรื่องที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน คือเรื่อง นพ.บุญ วนาสิน ที่มีประชาชนได้รับความเสียหายจากการถูกหลอกลงทุนมากกว่า 20,000 ล้านบาท ตนเคยยื่นญัตติเข้าสู่คณะกรรมาธิการการเทคโนโลยี สารสนเทศการสื่อสาร และโทรคมนาคม วุฒิสภา แต่ทางรัฐบาลได้ส่งหน่วยงานที่ไม่สามารถรับผิดชอบต่อสภาฯได้ มาตอบแบบขอไปที เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2566 แต่ สำนักงานตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ไม่บังคับใช้กฎหมายมาตรา267 ตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)หลักทรัพย์ฯ และมาตรา15ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ซึ่งกำหนดให้ก.ล.ต. มีอำนาจในการยึดหรืออาญัติทรัพย์ทบุคคลที่จะก่อให้เกิดความเสียหาย แก่ประชาชน แต่ห้าม มิให้บุคคลผู้นั้นออกนอกราชอาณาจักร ส่งผลให้นพ.บุญหนีออกนอกประเทศไปในเดือนก.ย.67 รวมทั้งยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินจนไม่สามารถนำมาชดใช้ให้แก่ผู้เสียหายได้ ดังนั้นรัฐบาลจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร

“ไม่ใช่แก้ไขปัญหาโดยให้โฆษกรัฐบาลออกมาบอกว่ามีมูลค่าความเสียหายมากมายทเตือนประชาชนแล้วว่าอย่าโลภ อย่าโอน อย่าหลงเชื่อ การกระทำเช่นนี้ไม่น่าจะใช่ความรับผิดชอบของรัฐบาล ไม่ทราบว่าขณะนี้นายกฯรู้หรือยังว่าเรื่องนี้ประชาชนรอคอยการแก้ปัญหาอยู่ หรือจะปล่อยให้ผู้เสียหายสิ้นหวัง ผลกระทบในเรื่องดังกล่าวกระทบต่อเศรษฐกิจโดยไม่มีใครรับผิดชอบ หากนายกฯไม่ดำเนินการ ผมจะตามเรื่องนี้ไม่ปล่อย โดยจะทำเรื่องถึงรัฐมนเอก ซึ่งท่านออกมาเคลื่อนไหวเรื่องรัฐมนตรีที่ไม่เข้ามาประชุม อย่างกล้าหาญ ส่งผลให้รัฐมนตรีหลายท่านกลัวทุกปรับออกจากครม. ดังนั้นผมจะขอพึ่งใบบุญนายกรัฐมนเอก ที่เป็นผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย”

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้นัดแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมรับประทานอาหารเย็นในวันที่ 18 ธ.ค.นี้ ที่ร้านอาหารเอิกเกริกริมน้ำ ตรงข้ามอาคารรัฐสภา เพื่อหารือถึงทิศทางการทำงานในช่วงเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงต้นปี68 ซึ่งเป็นการนัดรับประทานอาหารร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้านครั้งแรกที่นายณัฐพงษ์หัวหน้าพรรคประชาชนได้ดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน

ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า พรรคส่งจะตัวแทนเข้าร่วมงานครั้งนี้ ส่วนจะเป็นใครนั้นต้องรอที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคสรุปอีกครั้ง สำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค จะไม่ไปร่วมงานแน่นอน