ราชบุรี คืบหน้ากระบะตีนผีชนผู้เฒ่าวัย84 ลากศพไปไกลกว่า10กิโล ญาตินำศพมาตั้งสวดพระอภิธรรมที่บ้าน และยังคาใจอยู่ว่าผู้ต้องหาใจคอทำด้วยอะไร ขณะที่ลูกชายคนเล็กของผู้ตายเผยว่าตอนไปถึงพ่อยังไม่ตาย

จากกรณีเมื่อเวลา 06.30 น.วันที่ 15 ธันวาคม 2567ที่ผ่านมา ทางร.ต.อ.พลาญชัย ชัยชนะ ร้อยเวรสอบสวน สภ.โพธาราม รับแจ้ง พบศพผู้เสียชีวิตอยู่บนถนนเลียบทางรถไฟ ใกล้ทางลอดใต้ทางรถไฟปากซอยเจ็ดเสมียน35 ม.1 ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลเจ็ดเสมียน สายตรวจตำบลเจ็ดเสมียน กู้ภัยสว่างราชบุรี ฝ่ายปกครองตำบลเจ็ดเสมียน ในที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชายชรา 1 ราย ทราบชื่อต่อมานายบุญชู อายุ 84 ปี บ้านเลขที่ 1/1ม.4 ต.หนองกลางนา อ.เมือง จ.ราชบุรี

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายนั้นก่อนเกิดเหตุได้ออกมากวาดพื้นหน้าบ้านเป็นประจำทุกวัน  ระหว่างที่เดินข้ามถนนไป ได้มีรถยนต์กระบะขับมาและชนผู้ตายและร่างผู้ตายติดอยู่ใต้ท้องรถ ทำให้รถกระบะคันดังกล่าวขับหลบหนีไป ทางญาติเห็นเหตุการณ์ได้ช่วยกันตามรถคันที่ชน แต่ไม่ทัน จึงแกะรอยจากคราบน้ำมันเครื่องตามพื้นถนนจนกระทั้ง ซึ่งห่างจากจุดชนประมาณ10กิโล แต่ไม่พบรถคันเกิดเหตุ จึงแจ้งตำรวจพื้นที่ให้มาตรวจสอบ ซึ่งหลังตรวจสอบแล้ว ได้วิทยุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธาราม และกู้ภัยสว่างราชบุรี ออกติดตามแกะรอยน้ำมันเครื่อง โดยตัวผู้ต้องหาได้ขับไปเลี้ยวขวาผ่านโรงพยาบาลเจ็ดเสมียน ออกถนนเพชรเกษม และไปเลี้ยวเข้าตรงแยกโพธาราม เลี้ยวซ้ายแยกบ้านเลือก ข้ามสะพานวัดไทร ต่อมาได้รับแจ้งว่ารถคันดังกล่าวไปจอดทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าวัดม่วง เขต ต.ท่าชุมพล อ.โพธาราม พบเป็นรถยนต์กระบะอีซูซุ สีบรอนเงิน ทะเบียน บย-xxxx ราชบุรี ด้านหน้ามีรอยชน และพบ นายแพง อายุ 61 ปี บ้านเลขที่ 169 ม.8 ต.มาบกรวด อ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา รับเป็นคนขับ พร้อมกับให้การว่าตนขับรถไปซื้อของที่ตลาดราชบุรี ขากลับมาถึงที่เกิดเหตุผู้ตายข้ามถนนมาจึงชนตอนนั้นตนตกใจเลยขับรถหลบหนี

สำหรับความคืบหน้าของคดี วันนี้ผู้สื่อข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม เป็นกล้องวงจรปิดที่เห็นเหตุการณ์รถกระบะชนคุณตาและลากไป และมีลูกๆวิ่งตามตะโกนให้จอด และภาพกล้องตามเส้นทางที่ผู้ต้องหาขับลากร่างคุณตาไป และลงพื้นที่ไปยังบ้านของผู้เสียชีวิต ซึ่งทางญาติได้นำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเลขที่ 1/1 ม.4 ต.หนองกลางนา อ.เมือง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นบ้านของผู้ตาย และเป็นสถานที่เกิดเหตุ สำหรับบรรยากาศที่บ้าน ทางลูกๆหลานๆได้จัดสถานที่ไว้ค่อยต้อนรับเพื่อนๆญาติๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ สำหรับการสวดพระอภิธรรมนั้นทางญาติจะตั้งสวดไปจนถึงวันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม 2567 และจะทำการประชุมเพลิงในวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2567 เวลา 16.00 น.ณ เมรุวัดบางกระ 

เวลาต่อมาทางนายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พร้อมด้วย สำนักงานยุติธรรมจังหวัดได้เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมจะเข้ามาดูแลเกี่ยวกับการรับเงินช่วยเหลือ ส่วนของคดีก็ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไป

นางวิทยา ลูกสาวของผู้ตาย กล่าวเปิดใจว่า อยากถามคนชนว่าทำไมชนแล้วไม่จอด ลากพ่อไปทำไม คนตะโกนบอกกันเยอะแยะแล้วทำไมไม่จอดรถ และจะไปสะบัดพ่อทิ้งอีก จะไปสะบัดพ่อทิ้งกลางทางอะ มันใช่คนไหม ถ้าชนแล้วจอดสิเรามีเงินรักษา พ่อเขามีเงินประกัน อีกอย่างรถของเขาเองก็มีประกัน แล้วจะลากพ่อไปทำไม คนหรือเปล่าที่ทำแบบนี้ ใช่คนไหม อยากรู่แค่นี้ว่าใช่คนหรือเปล่า ลูกๆก็อยู่หน้าบ้าน จอดสิ เราจะได้เอาพ่อไปหาหมอ นี่มาทำแบบนี้มันใช่คนไหม คนชนหมายังจอด นี่ชนคนทั้งคนอะถ้าเป็นพวกคุณบางจะทำอย่างไง นึกถึงอกเขาบ้างลูกเมียเขาบ้าง หลานเขาบ้าง ว่าเขาจะเป็นอย่างไร พวกเรารับกันไม่ได้เลยและจะมาขอขมาศพ เราไมให้มานะ มาไม่ได้ที่นี่ไม่ต้องมา ส่วนเรื่องคดียกให้ตำรวจทำอย่างเดียว ส่วนพี่ๆน้องๆก็ต้องคุยกันอีกทีว่าจะดำเนินการอย่างไร มาทำแบบนี้ไม่ชอบ ลากไปทำไมตั้ง10กิโล พวกฉันก็วิ่งตามกันไป บอกให้จอดก็ไม่จอด คนทั้งคนทำได้อย่างไร  คนเขาเห็นกันเยอะแยะ เป็นสัตว์มนุษย์มาเกิดหรือเปล่า และวันเกิดเหตุน้องชายตนได้แกะรอยน้ำมันเครื่องไปจนไปพบร่างของพ่อนอนอยู่น้องชายบอกตอนนั้นพ่อยังไม่ตาย น้องชายจึงเรียกพ่อๆๆ พ่อยังผงกหัวขึ้นมามองและสักพักก็เงียบไป คือตอนนั้นในตัวแกไม่มีอะไรแล้วกระดูกกระเดี้ยวหักแกยังมีชีวิตอยู่อะ แกทนจนเห็นลูกไปรับ ขนาด10กว่ากิโลลากไป ซึ่งช่วงที่ลากไปเป็น10โลพ่อยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งตนน่าเวทนาตอนที่เขาเห็นลูกไปเรียกเขาก็ผงกหัวขึ้นมาแล้วเขาก็สิ้นไป ถึงได้ถามเขาว่าเขาเป็นคนหรือเปล่า ส่วนที่ตำรวจสามารถจับผู้ต้องหาได้เราก็ดีใจ แต่ก็ยังค้างคาใจอยู่แต่อันนั้นก็ไม่ติดอะไร แต่ทำไมต้องลากพ่อกูไปด้วย

ทางด้านพ.ต.อ.ทรงวุฒิ เจริญวิชยเดช ผกก.สภ.เมืองราชบุรี กล่าวว่า ตอนนี้ในส่วนของคดีพนักงานสอบสวนได้ติดตามตัวผู้ขับขี่มาได้หลังเข้าไปอาศัยในพื้นที่ อ.โพธาราม ทางพนักงานสอบสวนได้เรียกตัวมาตรวจแอลกอฮอล์ก็ไม่พบ พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาคือ ขับรถโดยประมาณเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนจนทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต และข้อหาหลบหนีไม่แจ้งเหตุและไม่ให้ความช่วยเหลือ ซึ่งทั้งสองข้อหาก็มีความชัดเจน มีการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุพบว่าผู้เสียชีวิตได้เดินข้ามถนน ส่วนผู้ขับขี่ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังพอสมควร ซึ่งในการสอบสวนทางผู้ขับขี่ก็ได้ให้การรับสารภาพ และในวันนี้พนักงานสอบสวนจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดราชบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

เบื้องต้นทางผู้ขับขี่ที่หลบหนีไปเพราะว่าตกใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเรื่องของสามัญสำนึกของทุกคนที่จะต้องรับผิดชอบต่อสังคม ในกรณีเฉี่ยวชนไม่ว่าจะมีผู้บาดเจ็บหรือมีทรัพย์สินเสียหายก็ต้องหยุดแจ้งเหตุเพื่อให้การช่วยเหลือก่อนไม่ว่าในกรณีไหนที่พอจะทำได้