วันที่ 16 ธ.ค.2567 เวลา 13.10 น. ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล)ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 18 ธ.ค.หลังที่ประชุมวุฒิสภาจะพิจารณาวันที่ 17 ธ.ค. และมีแนวโน้มเห็นชอบการทำประชามติ 2 ชั้น ว่า ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรจะยึดมติครั้งแรกที่ลงไปคือ เสียงข้างมากชั้นเดียว ตามหลักการเดิมของสภาฯที่ได้ลงมติไปแล้ว แม้สว. จะแก้ไขอย่างไรก็จะยืนหลักการเดิม ซึ่งท่าทีที่ต่างกันของ 2 สภา ทำให้ร่างกฎหมายต้องพักไป 180 วัน ก่อนการประกาศ ก็ไม่เป็นไรเพราะเป็นความตั้งใจและความมุ่งมั่นที่อยากจะทำให้ง่ายขึ้น และเพื่อประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด จึงไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่ารัฐธรรมนูญไม่สามารถที่จะทำได้ทันในรัฐบาลชุดนี้ แต่รัฐบาลประกาศว่าจะต้องมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)ให้ได้ ขั้นตอนจะเริ่มได้เมื่อใด นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ต้องหลัง 180 วัน พร้อมยืนยันว่าพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อให้ประชาชนเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลพยายามจะทำ แต่หากยังไม่สำเร็จ ช้าไปก็ไม่ใช่ความผิดของเราเพราะเราทำเต็มที่ คนที่ทำติดตามสถานการณ์การเมืองมาก็จะได้เห็นความชัดเจน
“ที่เรายืนหลักการเช่นนี้ ชี้ให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยได้ดำเนินการแก้รัฐธรรมนูญตามที่ได้หาเสียงไว้ต่อประชาชน และครั้งนี้พยายามอย่างเต็มที่ ที่จะให้สำเร็จ แต่เมื่อติดขัดอย่างนี้ ก็ต้องไปดูว่าหลัง 180 วันจะสามารถตั้งส.ส.ร.ได้ก็จะเป็นการดีเพื่อที่จะให้มีการพิจารณาในสมัยหน้าต่อไป” นายวิสุทธิ์ กล่าว
ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในฐานะที่ปรึกษาวิปรัฐบาล กล่าวเสริมเรื่องร่างพ.ร.บ.ประชามติ ว่า การที่สภาฯมีมติใช้เสียงข้างมากธรรมดา หลายคนดูแล้วอาจคิดว่าเสียงข้างมากดีกว่า แต่เมื่อดูเจตนาลึกๆแล้วคนที่นอนอยู่กับบ้านคนที่เจตนาไม่มาใช้สิทธิ์30% คนเหล่านี้จะถูกนับว่าเป็นผู้ไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติ ทำให้ไม่ถึงครึ่ง จึงขอแก้เป็นเสียงข้างมากธรรมดาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ และสภาฯก็มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ใช้เสียงข้างมากธรรมดา เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ ซึ่งวิปรัฐบาลก็ต้องยืนยันเรื่องเสียงข้างมากธรรมดา ตามที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติ หากจำเป็นต้องรอ 180 วันก็ต้องรอไม่มีปัญหา