เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 15 ธ.ค.67 ร.ต.อ.พลาญชัย ชัยชนะ ร้อยเวรสอบสวน สภ.โพธาราม รับแจ้ง พบศพผู้เสียชีวิตอยู่บนถนนเลียบทางรถไฟ ใกล้ทางลอดใต้ทางรถไฟปากซอยเจ็ดเสมียน 35 ม.1 ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลเจ็ดเสมียน สายตรวจตำบลเจ็ดเสมียน กู้ภัยสว่างราชบุรี ฝ่ายปกครองตำบลเจ็ดเสมียน

ในที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชายชรา 1 ราย ทราบชื่อต่อมานายบุญชู อายุ 87 ปี อยู่ ต.หนองกลางนา อ.เมือง จ.ราชบุรี กับเจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลตำบลหลุมดิน  อ.เมืองราชบุรี พร้อมกับญาติผู้เสียชีวิต จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายนั้นก่อนเกิดเหตุได้ออกมากวาดพื้นหน้าบ้านเป็นประจำทุกวัน และมักจะเดินข้ามเอาขยะไปทิ้งฝั่งตรงข้าม ระหว่างที่เดินข้ามถนนไป ได้มีรถยนต์กระบะขับมาและชนผู้ตายและร่างผู้ตายติดอยู่ใต้ท้องรถ ทำให้รถกระบะคันดังกล่าวขับหลบหนีไป ทางญาติเห็นเหตุการณ์ได้ตระโกนบอกให้ลูกหลานช่วยกันตามรถคันที่ชน พร้อมโทรแจ้งรถกู้ชีพของเทศบาลหลุมดินให้ช่วยตามหาตามเส้นทาง แต่ไม่ทัน จนกระทั้งเห็นน้ำมันเครื่องของรถคนที่ชนหกไปตามพื้นถนนจึงแกะรอยขับรถตามรอยน้ำมันเครื่องจนไปพบศพถูกสลัดทิ้งตรงจุดเกิดเหตุ ซึ่งห่างจากจุดชนประมาณ10กิโล แต่ไม่พบรถคันเกิดเหตุ จึงแจ้งตำรวจพื้นที่ให้มาตรวจสอบ ซึ่งหลังตรวจสอบแล้ว ได้วิทยุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธาราม และกู้ภัยสว่างราชบุรี ออกติดตามแกะรอยน้ำมันเครื่อง โดยตัวผู้ต้องหาได้ขับไปเลี้ยวขวาผ่านโรงพยาบาลเจ็ดเสมียน ออกถนนเพชรเกษม และไปเลี้ยวเข้าตรงแยกโพธาราม เลี้ยวซ้ายแยกบ้านเลือก ข้ามสะพานวัดไทร ต่อมาได้รับแจ้งว่ารถคันดังกล่าวไปจอดทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าวัดม่วง เขต ต.ท่าชุมพล อ.โพธาราม พบเป็นรถยนต์กระบะอีซูซุ สีบรอนเงิน ทะเบียนราชบุรี ด้านหน้ามีรอยชน และพบ นายแพง อายุ 61 ปี อยู่ ม.8 ต.มาบกรวด อ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา รับเป็นคนขับ พร้อมกับให้การว่าตนขับรถไปซื้อของที่ตลาดราชบุรี ขากลับมาถึงที่เกิดเหตุผู้ตายข้ามถนนมาจึงชนตอนนั้นตนตกใจเลยขับรถหลบหนี

ส่วนสภาพศพนั้นหลังจากแพทย์โรงพยาบาลเจ็ดเสมียนทำการชันสูตรพลิกศพแล้วพบมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ศรีษะด้านขวาเปิด แขนซ้ายตรงข้อพับหวิดขาด ขาซ้ายบริเวณตาตุ่มเป็นแผลที่ถูกลากสีกับพื้นถนนจนเนื้อหายไปเห็นแต่กระดูก และบาดแผลตามลำตัวรอยลากไปกับพื้นถนนทั่วร่างกาย 

ต่อมาทาง ร.ต.อ.ภูษิต ฮ้อประเสริฐ ร้อยเวร สภ.เมืองราชบุรี เจ้าของคดีในเขตจุดที่ชนได้เดินทางมายังจุดพบศพ และจุดที่เจอรถ พร้อมเชิญตัวคนขับรถไปสอบสวนที่ สภ.เมืองราชบุรี ส่วนร่างผู้เสียชีวิตนั้นได้มอบให้ญาติกลับมาทำพิธีทางศาสนาโดยลูกๆหลานๆจะนำมาทำพิธีสวดพระอภิธรรมที่บ้านตรงจุดเกิดเหตุ

ต่อมาทางผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังจุดชน พบกับลูกๆ หลานๆ ญาติผู้ตาย ซึ่งเป็นภาพที่ทุกคนรับไม่ได้กับเหตุการที่เกิดขึ้น แต่ละคนอยู่ในอาการที่เศร้าโศกเสียใจ และแค้นที่ทำไม่ชนแล้วไม่จอด

น.ส.อาภรณ์ อายุ 36 ปี เป็นหลานสาวผู้ตาย กล่าวว่า ตอนเช้าตาเขาข้ามถนนไปทิ้งขยะซึ่งตาข้ามพ้นเส้นขาวไปแล้ว ส่วนรถคนที่ชนวิ่งมาจากหนองหอยประมาณว่ารถกินเลนและได้ยินเสียงชน แต่มองไม่เห็นตา แต่มาเห็นรองเท้าตาตกจึงมั่นใจว่าตาถูกรถชนและร่างติดไปกับรถ ซึ่งปกติคุณตาจะตื่นตี 4 ทุกวันออกมากวาดหน้าบ้านเป็นประจำหลังจากกวาดแล้วก็จะเก็บขยะไปทิ้งฝั่งตรงข้าม แต่วันนี้ตี 5 มันก็ไม่มึดนะมันเริ่มสว่างแล้ว และรถไม่น่าจะขับเร็ว หรือว่าชนแล้วน่าจะจอด ไม่สมควรที่ชนแล้วจะไปขนาดนั้น ส่วนรถคนที่ชนนั้นเห็นวิ่งมาไม่เร็วมากประมาณ 80 ซึ่งถนนเส้นนี้เป็นถนนเล็กด้วย และเป็นถนนที่มีทางโค้งเล็กๆไม่ใช่โค้งหักศอก ซึ่งหลังจากรู้ว่าคุณตาถูกรถชนก็ได้ตระโกนร้องให้คนในบ้านออกมาช่วยกันขับรถตามรถคันเกิดเหตุแต่ตามไม่ทัน ส่วนการแกะรอยจนไปพบศพนั้น  คือมันมีคราบน้ำมันผสมเลือดอยู่ที่พื้นถนนเป็นทางยาว บางจุดพยายามที่จะขับรถเวียงสะบัดให้ร่างคนตายหลุดจากใต้ท้องรถ ส่วนจุดที่ร่างคุณตาหลุดจากใต้ท้องรถนั้นมันเป็นร่องถนนซึ่งรถกระแทกร่างก็หลุดออกมา ซึ่งจากจุดเกิดเหตุไปยังจุดที่พบศพนั้นประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งหลังจากที่ศพหลุดมาแล้ว ไม่พบรถคันดังกล่าวได้ขับหลบหนีไปจนไปจับได้ซึ่งรถนั้นมีร่องรอยการชนอยู่แล้ว อยากจะบอกถึงคนชนว่าต่อให้คุณชนจะผิดหรือไม่ผิด ขอให้เขามีสามัญสำนึกของมนุษย์ชนแล้วควรจะจอด ตาอาจจะไม่เป็นอะไรเยอะมาก  แต่ถ้าคุณมีสามัญสำนึกนะว่าคุณชนคนนะคุณต้องจอดนะ ลองให้มันเกิดเหตุการนี้กับคนในครอบครัวคุณแล้วคุณจะรู้ อยากให้เขามาขอขมาศพนะ ที่คุณทำไปมันทำให้คนๆหนึ่งที่สูญเสียชีวิตไปและทำให้ครอบครัวเขาเสียใจอะ อยากให้เขามาขอขมา