กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม, พ.ต.อ.ชาคริต มงคลศรี, พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ ปิตะบุตร, พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล, พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม , พ.ต.อ.พิชญ์รุจ กุลวิมลประทีป รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.ปรก.รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.วันชนะ ทิพย์อาสน์ ผกก.8 บก.ทล., พ.ต.ท.วินัย ธนะโชติ รอง ผกก.8 บก.ทล., พ.ต.ท.ทัตพร เลขะวัฒนพงษ์ สวญ.ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล., พ.ต.ท.ชยธร ถวิลเพชรสกุล สว.ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล., พ.ต.ต.ณรงค์ พิทักษ์ฉนวน สว.กก.8 บก.ทล. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ร.ต.อ.จรัญ ทองอินทร์ รอง สว.ทล 2 กก.8 บก.ทล, ด.ต.เปรมวิศุทธ์ พัฒนอดติพงศ์, จ.ส.ต.โสนิล จันทร์พลงาม และ ส.ต.อ.ศรัณย์ อู่ทรัพย์ ผบ.หมู่ ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. ได้ร่วมกันจับกุม 1. นายอนุพงษ์ฯ อายุ 24 ปี เป็นจำเลบยตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ 313/2567 ลงวันที่  27 กันยายน 2567 คดีหมายเลขดำที่ อ993/2566 คดีหมายเลขแดงที่ อ102/2567โดยกล่าวหาว่า “เป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นในการกระทำผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและเปิด หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้ เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตน เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ใรการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทาง เทคโนโลยี ” ส่ง ศาลจังหวัดขอนแก่น  2. นายอนุสรณ์ฯ อายุ 24 ปี เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงขอนแก่น ที่ จ.68/2567 ลงวันที่  1 มีนาคม 2567  โดยกล่าวหาว่า  “ยักยอกทรัพย์” ส่ง พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น  3.  นายจักรพันธ์ฯ อายุ 20 ปี เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ699/2566  ลงวันที่  12 กรกฎาคม 2566 โดยกล่าวหาว่า “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” ส่ง พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลลำผักชี สถานที่จับกุม ริมถนนเพชรเกษม ตำบลท่าราบ อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี 

สืบเนื่องจากนายอนุพงษ์ฯ และ นายอนุสรณ์ฯ ได้บวชอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง ในตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอบ้านแฮด จังหวัดขอนแก่น มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม จึงทำให้ชาวบ้านระแวกใกล้เคียงแจ้งเรื่องร้องทุกข์ให้ตรวจสอบพฤติการณ์ดังกล่าว จากนั่นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. ได้ทำการตรวจเช็ค ทราบว่า นายอนุพงษ์ฯ และ นายอนุสรณ์ฯ มีหมายจับ และได้ทำการสืบสวน ทราบว่าผู้ต้องหาได้ไหวตัวและหลบหนีออกจากทางวัดไป จากนั้นทำการสืบสวนกระทั่งตามจับกุมตัวได้ที่ อ.เมือง จ.ราชบุรี เนื่องจากนายอนุพงษ์ฯ จำเลยหรือผู้ต้องหาที่ 1 เป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น ปัจจุบันศาลได้มีคำพิพากษารับหลังจำคุก 1 ปี 6 เดือน และหมายจับของศาลจังหวัดสงขลา เนื่องจากได้รับจ้างเปิดบัญชีและมีเงินหมุนเวียน กว่าแสนบาท ผู้ต้องหาที่ 2 นายอนุสรณ์ฯ เป็นบุคคลตามหมายจับของศาลแขวงขอนแก่น  ผู้ต้องหาได้เช่ารถจักยานยนต์ และไม่ได้นำรถมาส่งคืน ตามกำหนดไว้ ได้อ้างว่ารถเกิดอุบัติเหตุ นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น ผู้ต้องหาที่ 3 นายจักรพันธ์ฯ มีหมายจับ 3 หมาย เป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีและหมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรีและศาลจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากได้การชักชวนจากนายอนุพงษ์ฯ ให้เปิดบัญชีและหลอกตุ๋นขายอุปกรณ์และโทรศัพท์ แต่ไม่ได้มีการส่งของให้ จึงทำให้มีการร้องทุกข์ในหลายพื้นที่  


เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. ได้ทำการสืบสวนลงพื้นที่ ในตำบลโนนสมบูรณ์  อำเภอบ้านแฮด จังหวัดขอนแก่น ทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งหมด ได้หลบหนีออกจากวัดไปแล้ว จึงได้สืบสวนข้อมูลเพิ่มเติมกระทั่งทราบว่า ได้หลบหนีมาพักอาศัยรับจ้างตัดอ้อย ในพื้นที่ตัวเมืองราชบุรี นำกำลังตรวจสอบ  เฝ้าตามยุทธวิธี กระทั่งพบผู้ต้องหาขับรถยนต์ส่วนตัวออกมาจากไร่อ้อย โดยมีนายอนุสรณ์ฯเป็นผู้ขับขี่และนายอนุพงษ์ฯ โดยสารด้านข้างคนขับ จึงเรียกสอบถาม ขณะนั้นผู้ต้องหาพยายาม จะขับรถหลบหนี 


แต่ชุดจับกุมได้นำรถจอดขวาง และได้แสดงตัวพร้อมแสดงหมายจับให้ทราบ ขณะตรวจสอบพบชายต้องสงสัย ยืนร้องไห้ และท่าทางมีพิรุจ ชุดจับกุมจึงสอบถามมว่า มีความเกี่ยวข้องหรือเป็นอะไรกับผู้ต้องหาทั้งสอง ชายดังกล่าวได้แจ้งว่าเป็นญาติ เจ้าหน้าที่ชุดจับจึงขอตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน ทราบชื่อคือนายจักรพันธ์ฯ ทำการตรวจเช็คปรากฎว่ามหมายจับถึง 3 หมายจับ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงนำตัวนายอนุพงษ์ฯ ส่งศาลจังหวัดขอนแก่น และนายอนุสรณ์ฯ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น และนายจักรพันธ์ฯ ส่งพนักงานสอบสวน สน.ลำผักชี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป