เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2567 “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “3 เดือนรัฐบาลแพทองธาร” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,162 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 10-13 ธันวาคม 2567 สรุปผลได้ ดังนี้

1. ประชาชนคิดว่าจุดแข็งของรัฐบาลแพทองธาร คืออะไร

อันดับ 1 มีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ 49.38%

อันดับ 2 ครม. ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ค่อยมีความขัดแย้ง 37.17%

อันดับ 3 เข้าถึงประชาชน เข้าถึงง่าย 35.42%

2. ผลงาน 3 เดือนของรัฐบาลเป็นอย่างไรในสายตาของประชาชน

อันดับ 1 ยังประเมินไม่ได้ 39.85%

อันดับ 2 ต่ำกว่าที่คาดหวัง 28.14%

อันดับ 3 เป็นไปตามที่คาดหวัง 24.96%

อันดับ 4 ดีกว่าที่คาดหวัง 7.05%

3. ประชาชนเชื่อมั่นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลหรือไม่

อันดับ 1 ไม่เชื่อมั่น 54.99%

อันดับ 2 เชื่อมั่น 45.01%

4. ประชาชนคิดว่านโยบายใดของรัฐบาลที่เห็นผลชัดเจนที่สุดใน 3 เดือนที่ผ่านมา

อันดับ 1 แจกเงิน 10,000 บาท 71.44%

อันดับ 2 กระตุ้นการท่องเที่ยว 56.69%

อันดับ 3 บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 49.06%

5. ประชาชนคิดว่าเรื่องใดที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการแก้ไขโดยด่วน

อันดับ 1 แก้ปัญหาค่าครองชีพ สร้างงาน เพิ่มรายได้  70.84%

อันดับ 2 แก้ปัญหายาเสพติด 61.53%

อันดับ 3 แก้ปัญหาเศรษฐกิจทั้งระบบ 59.62%

6. สิ่งที่ประชาชนอยากฝากถึงนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ในฐานะผู้นำประเทศ

อันดับ 1 ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ลดค่าครองชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ให้ประชาชนอย่างทั่วถึง   49.14%

อันดับ 2 ปรับการสื่อสารให้ชัดเจน รับฟังปัญหา 44.50%

อันดับ 3 ปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ยาเสพติด ผู้มีอิทธิพล 39.36%

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า จากผลโพลสะท้อนให้เห็นว่า ผลงาน 3 เดือนรัฐบาลแพทองธารยังประเมินไม่ได้ และบางส่วนมองว่าต่ำกว่าที่คาดหวังไว้ แม้นโยบายระยะสั้นจะสร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนได้ระดับหนึ่ง แต่ในฐานะที่รัฐบาลมีที่ปรึกษามากประสบการณ์และขึ้นชื่อเรื่องการทำให้ “คนไทยมีกิน มีใช้” ประชาชนจึงคาดหวังเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ “สื่อสารเป็น-เห็นผลชัด-จับต้องได้” ให้มากขึ้น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เบญจพร พึงไชย ผู้ช่วยคณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่าภายใต้รัฐบาลแพทองธารผ่านมาสามเดือน เสมือนช่วงทดลองงานสำหรับรัฐบาลไม้ต่อชุดนี้ ซึ่งในระยะเวลาที่เข้ามาต้องเผชิญสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วม ความยากจน โดยเฉพาะปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อชีวิตของประชาชนมายาวนาน ซึ่งสามเดือนที่ผ่านมา ยังไม่เห็นการดำเนินงานแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม สอดคล้องกับผลสำรวจที่สะท้อนว่าภาพรวมผลงาน 3 เดือนของรัฐบาลยังประเมินไม่ได้ ร้อยละ 39.85 และต่ำกว่าที่คาดหวัง ร้อยละ 28.14 ทำให้ประชาชนเกิดความไม่เชื่อมั่นในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ถึงร้อยละ 54.99 เพราะนโยบายที่รัฐบาลทำได้เพียงอย่างเดียว คือ แจกเงิน 10,000 บาท

สำหรับสิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุด คือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจเพื่อช่วยเรื่องปากท้องและรายได้ ซึ่งการแถลงครั้งนี้ไม่ได้มีการพูดถึงผลงาน แต่เป็นการกล่าวถึงสิ่งที่รัฐบาลจะทำในปีหน้า หากถึงเวลาที่ต้องแถลงผลงานครั้งต่อไปจะมีอะไรที่จับต้องได้และทัชใจประชาชนให้เกิดความเชื่อมั่นหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป