ผูันำจิตวิญญาณ ของพรรคเพื่อไทย สั่งเบรคตัวโก่ง หลังเกิดกระแสต้าน ร่างพรบ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ฉบับของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่หวังสกัดรัฐประหาร ทั้งจาก พรรคสายอนุรักษ์นิยม พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ที่ถิอเป็นสัญญาณต้านที่ชัด และแรง
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯต้องยอมลงทุน ติง ประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่เสนอร่างพรบ.กลาโหม ฉบับนี้ เข้าสู่ขั้นตอนของสภาฯ
“เป็นความคิดริเริ่มของบางคน โดยไม่ผ่านการกลั่นกรอง แต่ถ้าผ่านแล้ว ต้องรู้ว่าอะไรควร ไม่ควร” ทักษิณ ระบุพร้อม ปฏิเสธว่างานนี้ “นายใหญ่” ไม่ได้สั่ง
“มีคนบอกว่า “นายใหญ่” สั่งมา ผมไม่รู้เรื่อง ได้ยินยังตกใจ “นายกฯอิ๊งค์” ก็ตกใจ เพราะเรื่องนี้ไม่ไดัเข้ากระบวนการ ของพรรคเพื่อไทย” อดีตนายกฯ ผู้เคยโดนรัฐประหาร ชี้แจง
ลำพังเรื่องการสกัดรัฐประหาร ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะร่างแก้ไขพรบ.กลาโหม ฉบับของกลาโหม ที่ร่างในยุค สุทิน คลังแสง เป็น รมว.กลาโหม ก็เคยเสนอให้อำนาจ นายกฯ นำเข้าครม. ในการสั่งพักราชการ นายทหารที่เตรียมก่อการรัฐประหาร ก่อกบฎ มาแล้ว
แต่ที่ถูกมองว่าแรง จะหมายยึดอำนาจกองทัพ กลับคืน คือ การเสนอให้อำนาจ ครม.ในการแต่งตั้งโยกย้ายทหารช้้นนายพล เมื่อบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้าย หรือ โผทหาร ผ่านการพิจารณาของ คณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล ของกระทรวงกลาโหม หรือ บอร์ด7 เสือกลาโหม แล้ว ให้ส่งเข้าครม. อีกชั้นหนึ่ง
เพราะในอดีต มีความพยายามจากฝ่ายการเมืองในการ คุมอำนาจกองทัพ ให้นำโผทหารเช้า ครม. แต่ไม่เคยทำสำเร็จ แต่ฝ่ายการเมือง ที้มาเป็นรัฐบาลก็ยังพยายาม เช่น การจะย้าย ผบ.ทบ. หรือ วางตัว ผบ.ทบ. ไว้แล้ว แต่ฝ่ายกองทัพแย่งอำนาจกันเองจนสุดท้ายจบด้วยการรัฐประหาร ด้วยข้อหาที่ว่า ฝ่ายการเมืองแทรกแซงข้าราชการประจำ
จึงเห็นได้ว่า ร่าง พรบ.กลาโหม ยุค “สุทิน” ที่มี “บิ๊กอั๋น” พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม เป็นประธาน ไม่แตะ บอร์ด7 เสือกลาโหม เพียงแค่ เสนอเพิ่มสัดส่วน พลเรือน ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านความมั่นคง มาเป็น สมาชิกสภากลาโหม เพิ่ม และ ลดสัดส่วนทหารลง แต่สภากลาโหม ไม่มีอำนาจหน้าที่ ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายพล แต่แค่กลั่นกรอง กม. ระเบียบต่างๅ หลักสูตรการฝึกศึกษาต่างๆ
จึงถูกมองว่า เป็นร่างที่ซอล์ฟ ที่สุด หากเทียบกับร่างของ สส.พรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ สุทิน เมื่อแรกที่มาเป็น รมว.กลาโหม เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ได้รับสัญญาณ จากผู้ใหญ่ในพรรค ที่ได้รับสัญญาณ มาจาก บ้านจันทร์ส่องหล้า ให้กลาโหม ร่าง กม.ฉบับนี้ เพื่อนำมาประกบ กับ ร่างของพรรคเพื่อไทย และ พรรคประชาชน
ที่ก็พอจะสะท้อนเจตนา ของ ทักษิณ ได้ตั้งแต่แรกว่า ไม่กล้าที่จะทำอะไรที่จะกระทบกองทัพ ที่ถือเป็นอาวุธ ของขั้วอนุรักษ์นิยมเพราะ ยังมี “ดีล” กันอยู่ ตั้งแต่ ตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้ว และ ทักษิณ กลับประเทศ โดยมีสัญญาใจว่า เมื่อ พท.มาเป็นรัฐบาล จะไม่ล้างบาง เชคบิล ไม่ล้ำเส้น กองทัพ และ แกนนำบิ๊ก คสช.
ทักษิณ จึงยืนยันว่า ตนเองไม่เกี่ยวข้อง อีกทั้ง ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และ รมวกลาโหม รีบออกมาชี้แจง ตั้งแต่แรกว่า เป็นข้อเสนอของ สส.พรรค แต่ไม่ใช่จุดยืนของพรรค ที่ถือเป็นการส่งสัญญาณถอย
เพราะทั้ง ทักษิณ และ ภูมิธรรม ย่อมตระหนักว่า พรรคร่วมรัฐบาล ย่อมไม่โหวตหนุน ร่าง กม.นี้ ในสภา แม้หากพรรคประชาชน ข่วยโหวตผ่าน สภาผู้แทนราษฎร ได้ แต่ก็ ไม่อาจผ่านด่าน สว.ไปได้ เพราะครึ่งหนึ่ง ก็เป็น สว. สายสีน้ำเงิน
ที่น่าติดตามคือ ทักษิณ มองว่า ไม่จำเป็นต้องแก้กฎหมายใดๆ แต่ แก้แค่ระเบียบการก็พอ จะทำงานให้คล่องตัวมากขึ้น เท่านั้น จะส่งผลให้ ภูมิธรรม รมว กลาโหม จะรับลูกไปแก้กม. ระเบียบ หรือไม่
เพราะ ทักษิณ เชื่อว่า การรัฐประหาร จะไม่เกิดขึ้นอีก และเชื่อว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ลูกสาว จะไม่ถูกรัฐประหาร และ เป็นนายกฯ จาก ตระกูลชินวัตร คนแรก ที่จะไม่ถูกรัฐประหาร และจะอยู่ครบเทอม
“ที่จริงแล้ว มันมีอะไรเยอะกว่านั้น” ทักษิณ เปรย
ทักษิณ ย้ำมาหลายครั้ง ตั้งแต่กลับมาไทย และย้ำว่า กลับมากราบพระบาท และจะทำงานเพื่อประเทศชาติ และเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
“รับรองรัฐประหารไม่มีแล้ว เพราะมีวิธีการเปลี่ยนรัฐบาลหลายรูปแบบ ไม่จำเป็นต้องเป็นรัฐประหาร รัฐประหารแล้วมันช้ำ 9-10 ปีที่ผ่านมา ช้ำมาก ช้ำหนักมาก ประเทศช้ำ และทำให้การแก้ปัญหาต่างๆ มันยากขึ้น และต้องใช้เงิน มากขึ้น”ทักษิณ ระบุ
ทักษิณ รู้ดีว่า การรัฐประหาร ในยุคสมัยนี้ ทำได้ไม่ง่าย ยิ่ง หน่วยกำลังปฏิวัติของ ทบ. อย่าง กองทัพภาค 1 ที่มี 2 กองพลคอแดง คือ พล.1 รอ. พล.ร.2 รอ. ก็เป็นทหารคอแดง ขึ่นอยู่กับ ฉก.ทม.รอ.904 และ แม่ทัพภาค1 เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 แทน ผบ.ทบ. ก็ยิ่งจะนำกำลังทหารไปทำอะไร โดยไม่ได้รับอนุญาต ได้
คงมีแต่ กองพลทหารคอเขียว 2 กองพล คือ พล.ร.9 และ พล.ร.11 กองพลสไตร้เกอร์ เท่านั้น ที่เป็นมื้อไม้ของ แม่ทัพภาค1 และ ผบ.ทบ. เพราะไม่ได้อยู่ใน ฉก.ทม.รอ.904
และเป็นที่รู้กันดีกว่า ร.1 รอ. และ ร.11 รอ. กำลังหลักของทบ. ที่เคยอยู่ใน พล.1รอ. ได้ถูกย้ายโอนไป เป็นหน่วยในพระองค์ แล้ว สิ้นสภาพการเป็น ขุมกำลังปฏิวัติของ ทัพภาค1 และ ทบ.
แต่การรัฐประหาร ไม่ได้เกิดจาก เงื่อนไข จากฝ่ายนักการเมือง ที่งหมายจะแทรกแซงกองทัพ เท่านั้น แต่ ปัญหาการแย่งชิงอำนาจในกองทัพเอง ก็ทำให้เกิดรัฐประหาร
เช่น ในยุค ทักษิณ เป็นนายกฯ วางตัว “บิ๊กตู่” พล.อ.พรชัย กรานเลิศ เพื่อน ตท.10 เป็น ผบ.ทบ. แต่ “บิ๊กป๊อก” พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา แม่ทัพภาค1 ในตอนนั้น ร่วมกับ “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน ผบ.ทบ. รัฐประหาร ทักษิณ แม้เป็น เพื่อน ตท.10 และ ตั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เป็น แม่ทัพภาค1 และหลังรัฐประหาร พล.อ.อนุพงษ์ ก็ได้เป็น ผบ.ทบ.
ยิ่งในเวลานี้ มีการแย่งชิง อำนาจในกองทัพกันเอง ทั้ง แม่ทัพภาค1 และ ผบ.ทบ. ระหว่าง นายทหาร ตท. รุ่นต่างๆ จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ การปรับโครงสร้าง ของ ฉก.ทม.รอ. 904 ตั้งแต่ 1 พย.2567
หลังจาก ปัญหาภายใน จนทำให้ “บิ๊กต่อ” พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ.คนก่อนหน้านึ้ ต้องปฏิบัติการย้ายล้างบาง ทหารคอแดง และนำมาซึ่งการปรับเปลี่ยน ในฉก.ทม.รอ.904 นั่นเอง
สถานการณ์การเมือง ในแต่ละยุคสมัย แตกต่างกันไป แต่อนาคต ไม่มีอะไร แน่นอน