เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 นี้ ตัวแทนชาวบ้านกระบี่ และสุราษฎร์ธานี นำโดยนายสุพจน์ บุญยัง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปลายพระยา อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ ได้ยื่นหนังสื่อต่อ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม 4 กรณีประกอบด้วย กรณีที่ 1 นายสุพจน์ บุญยัง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปลายพระยา อ.ปลายพระยา จังหวัดกระบี่ ร้องขอให้ รมว.ยธ. ประสานสั่งการให้ กรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ กระทรวงมหาดไทย ให้อำนาจในการขอใช้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มซึ่งเป็นของกลางบในคดีพิเศษที่ 56/2566 ตามประกาศของกระทรวงยุติธรรม
นายสุพจน์ กล่าวว่า ได้รับการร้องขอจากสมาชิกสหกรณ์ที่มีส่วนได้เสียกับการทุจริตในชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด เนื่องจากทราบว่า นิติกรกรมส่งเสริมสหกรณ์และอดีตสหกรณ์จังหงวัดกระบี่ เสนอให้อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ไม่รับของกลางในคดีไว้ดูแลรักษาและใช้ประโยชน์ส่งผลให้ของกลางมูลค่ากว่า 600 ล้านบาทจะได้รับความเสียหาย สมาชิกผู้มีส่วนได้เสียจึงร้องขอให้ตนขอรับโรงงานของกลางไปใช้ประโยชน์และบำรุงรักษา ซึ่งสมาชิกผู้มีส่วนได้เสียสูงถึง 53,326 สมาชิก ซึ่งหนึ่งสมาชิกคือหนึ่งครอบครัว แต่ละครอบครัวในพื้นที่ทางจังหวัดภาคใต้ มีจำนวนเฉลี่ยประมาณครอบครัวละ 4.5 ราย ฉะนั้น มี่ผู้ได้รับความเดือดร้อนกับเรื่องนี้ สองถึงสามแสนราย ตนจึงรับที่จะดำเนินการจัดการแต่เนื่องจากยังไม่มีอำนาจเต็มจึงต้องขอให้รัฐมนตรียุติธรรมดำเนินการให้ความเป็นธรรมกับผู้มีส่วนได้เสียนายสุพจน์ กล่าว
กรณี ที่ 2 นายเทพพิทักษ์ วงศ์ไชยภาค สมาชิกสหกรณ์ผู้มีส่วนได้เสียคดีทุจริตชุมนุมสหกรณ์ ร้องขอให้ รมว.ยธ สั่งการให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปลี่ยนคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 22/2567 กรณีบุกรุกที่ดินหมดสัญญาอนุญาต ของนายประพาส เนื่องจากทั้ง 2 คดี คือคดี 56/2566และคดีพิเศษที่ 22/2567 กลุ่มผู้กระทำความผิดเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน และต้องการพนักงานสอบสวนที่ ทำงานเชิงรุกดำเนินคดีกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลอย่างตรงไปตรงมาไม่ละเว้นผู้กระทำความผิดและส่งพื้นที่คืนให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ บริหารจัดการพื้นที่ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการยังชีพ และให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ดำเนินการทวงเงินค้างชำระจากผู้ได้รับสัญญาเช่าแล้วไม่จ่ายเงินค่าเช่า มากกว่า 20 ล้านบาท
กรณี 3 นายสมใจ นวนนุ่น ร้องขอให้ รมว ยธ สั่งการให้อธิบดีกรมบังคับคดี บังคับคดีที่ ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้ ที่ดินกรมป่าไม้ ที่หมดสัญญาสัมปทานเช่า ให้นำมาจัดสรรให้ผู้ยากไร้ใช้ประโยชน์ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด
กรณีที่ 4 นายจิตพงษ์ อภิรักษ์พงไพร ผู้ประสานเครือข่ายที่ดินทำกินจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร้องขอให้สั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าสืบสวนสอบสวน ที่ดินหมดสัญญาเช่า ที่เป็นพื้นที่กรมป่าไม้ ที่เป็นป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่ราชพัสดุเนื่องจากมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลเข้าบุกรุกครอบครอง จำนวน 2 แปกลง จำนวน กว่า 3,000 ไร่ และในกรณีเดียวกันนายมนัญชัย โชคอารี ผู้ใหญ่ 5 ตำบลคีรีวงศ์ อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ ได้ร้องขอให้ รมว. ยธ. สั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าสืบสวนจับกุมผู้มีอิทธิพล ที่ดินของนิคมสหกรณ์อ่าวลึก เนื้อที่จำนวน 3,100 ไร่ ที่นายวิศิษฎ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริทมสหกรณ์เพิ่งต่ออนุญาตสัญญาให้บริษัท มหาชนรายหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามที่ดินนักการเมืองระดับชาติ แต่หมดสัญญาอนุญาตไปเมื่อ วัน 27 เมษายน 2567 จนกระทั้งปัจจุบันนี้จะสิ้นปี 2567 กรมสงเสริมสหกรณ์ยังปล่อยให้ผู้มีอิทธิพลครอบครองและเก็บผลอาสิน ทั้งที่ผลอาสินนั้นควรจะเป็นรายได้เข้ารัฐแต่กรมส่งเสริมสหกรณ์ปล่อยปละละเลย เมื่อติดตามจากสหกรณ์จังหวัดก็ได้คำตอบเพียงว่ารายงานไปกรมส่งเสริมแล้วรอการสั่งการ ปล่อยให้ผู้มีอิทธิพลเก็บผลอาสินและรังแก่ชาวบ้านในพื้นที่ถึงขั้นลงมือฆ่ากลางวัน จึงร้องขอให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีกับผู้มีอิทธิพลและเรียกร้องให้นำที่ดินมาจัดสรรให้ประชาชนในพื้นที่
ทางด้านพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งการให้หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรีเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย และแจ้งตัวแทนชาวบ้านว่า จะลงไปดูพื้นที่