สยามรัฐ ยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดรับใช้สังคมด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ …*…

แล้ว MOU 44 หรือ “บันทึกความเข้าใจพื้นที่ทับซ้อนของไหล่ทวีปที่ประเทศไทยลงนามร่วมกับกัมพูชาไว้เมื่อปี 2544” ก็กลับมาเป็นประเด็นร้อน ฉุดสถานการณ์การเมืองบ้านเราให้ต้องตกอยู่ภายใต้ความเปราะบางอีกครั้ง จากการเคลื่อนไหวของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ “ม็อบมือตบ” ที่ได้บุกทำเนียบยื่นหนังสือถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จี้ให้หยุดการดำเนินการตาม MOU44  หลังนางสาวแพทองธารแสดงท่าทีพร้อมเดินหน้าต่อ หลังถูกแช่แข็งมายาวนานกว่า 20 ปี …*…

โดยนายสนธิชี้ว่าการทำ MOU 44 ดังกล่าวมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนต่อพระบรมราชโองการในการประกาศทะเลอาณาเขตและเขตทะเลต่อเนื่อง ตลอดจนประกาศเส้นเขตไหล่ทวีป ตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ค.ศ. 1985 และกฎหมายอื่นๆ ซึ่งยังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และยังไม่มีพระบรมราชโองการประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น จึงต้องถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 …*…

พร้อมกันนี้นายสนธิยังได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อนายกฯ 6 ประการประกอบด้วย 1.ขอให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีรักษาไว้ซึ่งเอกราชและอธิปไตยของไทย และแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีป ซึ่งเป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญของรัฐบาล 2.ขอให้นายกรัฐมนตรีเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณามีมติให้ส่ง MOU 2544  ต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 224 ของรัฐธรรมนูญไทยหรือไม่ 3.หากศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า MOU 2544 และ JC 2544(แถลงการณ์ร่วมระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และสมเด็จฮุนเซ็น อดีตนายกฯกัมพูชา) ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ให้ยกเลิกการเจรจาตาม MOU 2544 และ JC 2544 เพื่อปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาทันที 4. แต่หากศาลวินิจฉัยแล้วว่าไม่ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ขอให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชา เพื่อยกเลิก MOU 2544 และ JC 2544 ทันที โดยให้เจรจากันใหม่ภายใต้การกำหนดขอบเขตเฉพาะพื้นที่พัฒนาร่วมบนพื้นฐานโดยใช้หลักการของเส้นมัธยะ 5. ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (JTC) ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้อง และ 6. จัดเวทีสาธารณะแก่ประชาชนเรื่อง MOU 2544 และ JC 2544 โดยให้ความรู้ความเข้าใจที่เป็นกลาง เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศ …*…

 “กล้าพูดว่า MOU 2544 เป็น MOU ขายชาติ ผมให้เวลารัฐบาลชุดนี้ 15 วัน หลังจากนั้นจะมาติดตามผล ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะร้องเรียนต่อสภาผู้แทนราษฎร และจะส่งเอกสารให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ทุกคนยืนยันสิทธิ์ของประเทศไทย หาก สส. หรือ สว. คนไหนลงมติเห็นชอบ MOU 2544 จะถือว่าอยู่ในขบวนการร่วมกันขายชาติ หากอนาคตความจริงปรากฏ จะทำให้ สส. และ สว. ที่ยกมือก็จะติดคุกติดตารางในฐานะขายชาติ นอกจากนี้ จะยื่นหนังสือร้องเรียนที่กระทรวงการต่างประเทศ เพราะต้องการให้กระทรวงการต่างประเทศ ข้าราชการ โดยเฉพาะกรมสนธิสัญญา ได้รับทราบว่าถ้าท่านไม่ปกป้องอาณาเขตไทย ร่างสัญญาใหม่แล้วตกลงทำตาม ท่านก็คือข้าราชการขายชาติเช่นกัน” …*…

ที่สำคัญนายสนธิยังย้ำด้วยว่า “การต่อสู้ครั้งนี้จะต้องชนะลูกเดียว พวกแกนนำเก่าๆ พากันพูดว่าไม่มีมวลชนแล้ว วันนี้ผมไม่ได้ปลุกระดมพ่อแม่พี่น้อง แต่ว่ามากันด้วยใจ ถ้าถึงเวลาที่จะต้องลงถนนกันก็จะมามากกว่านี้เป็นพันเท่า ถ้าอะไรที่เป็นของเราแล้วมาเอาไปก็ต้องเจอกัน บางคนพูดถึงเรื่องเก่าว่าประเทศไม่เดินหน้าเพราะการประท้วง และผมเป็นสารตั้งต้นความวุ่นวาย ผมถามกลับว่าที่ประท้วงในปี 2548 เราประท้วงใคร และเรื่องอะไร ใช้เวลา 18 ปี เพื่อพิสูจน์ว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ให้นายทักษิณสารภาพผิด และบรรจุลงในราชกิจจานุเบกษาว่าได้คดโกงประเทศชาติอย่างไร ความจริงและประวัติศาสตร์รอมาตั้ง 18 ปี” …*…

อย่างที่ทราบกันว่า การเมืองแบบไทยๆ นั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้ จุดจบของรัฐบาลนายทักษิณ และรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก็เริ่มจากการมีคนลงถนนชุมนุมประท้วง  ฉะนั้น จึงใช่ว่านางสาวแพทองธารจะไม่มีโอกาสเผชิญชะตากรรมเดียวกัน …*…

เว้นแต่ว่านางสาวแพทองธารจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันตัวเอง ด้วยการบริหารประเทศอย่างโปร่งใส ยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ได้รับการยอมรับจากประชาชนอย่างแท้จริง …*…