บลจ.จิตตะ เวลธ์ พัฒนาอัลกอริทึมให้ฉลาดล้ำ ต่อยอดสู่ Alpha AI ช่วยจับสัญญาณตลาดหุ้นที่ดีในเวลาที่เหมาะสม และคัดเลือก‘ลงทุนในหุ้นดีราคาถูก’ จัดพอร์ตอัตโนมัติให้แก่นักลงทุน ผ่านกองทุนส่วนบุคคล ‘Jitta Ranking Alpha’ แผนการลงทุนใหม่ที่จะช่วยลงทุนในประเทศที่น่าลงทุนมากที่สุดแต่ละปี บริหารจัดการ ปรับพอร์ตอย่างต่อเนื่องทุก 3 เดือน และสับเปลี่ยนประเทศให้ทุกปี พิสูจน์ด้วยผลตอบแทนย้อนหลังเฉลี่ย (Back Test) 20.71% ต่อปี

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.67 นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด สตาร์ตอัปสัญชาติไทยที่มีจํานวนกองทุนส่วนบุคคลภายใต้การบริหารมากที่สุดในประเทศ เปิดเผยว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการออกไปลงทุนต่างประเทศกลายเป็นที่ต้องการและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาหลักของนักลงทุนส่วนใหญ่คือการเลือกลงทุนในประเทศที่กำลังเติบโต มีอนาคตที่ดีในระยะยาว แต่ช่วงเวลาที่ลงทุนอาจเป็นช่วงที่ตลาดแพงมากหรือเริ่มเป็นขาลงตามวัฏจักร จึงประสบปัญหาพอร์ตติดลบค่อนข้างนาน และไม่รู้ว่าควรจะย้ายไปลงประเทศอื่นตอนไหนดี

อย่างไรก็ตามหากพิจารณาสถิติตลาดหุ้นย้อนหลังในหลายๆ ประเทศ พบว่า ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นลงเป็นวัฏจักร โดยเฉลี่ยแล้วใน 10 ปี ตลาดหุ้นจะติดลบประมาณ 3 ปี และกำไรประมาณ 7 ปี ทำให้เราคาดการณ์ได้ว่า หากตลาดหุ้นโดยรวมทำผลตอบแทนได้ดีหลายปีติดต่อกัน ก็มีโอกาสที่ปีต่อไป ตลาดหุ้นจะปรับฐานทำผลตอบแทนลดลง ในขณะเดียวกัน หากตลาดหุ้นทำผลตอบแทนไม่ค่อยดีในปีที่ผ่านๆมา หรือประสบวิกฤต ตลาดหุ้นตกลงมาแรงๆ ก็มีโอกาสที่ปีต่อไปจะฟื้นตัว กลายเป็นตลาดหุ้นขาขึ้นได้ ดังนั้นหากนักลงทุนสามารถวิเคราะห์หา ‘เวลาที่เหมาะสม’ ในการลงทุนของตลาดหุ้นแต่ละประเทศ​ และสามารถสลับการลงทุนจากตลาดหุ้นที่ราคาแพงเกินไปแล้ว นำเงิน ไปลงทุนในตลาดที่มีโอกาสมากกว่า ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่จะช่วยลดระยะเวลาการฝ่ามรสุมตลาดหุ้นขาลง (Drawdown Period)​ ของพอร์ตได้ และเพิ่มผลตอบแทนให้ดีขึ้นได้ในระยะยาว

“หุ้นพื้นฐานดีอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจลงทุน นักลงทุนต้องวิเคราะห์ดูอีกชั้นว่า หุ้นพื้นฐานดีที่มีอยู่ในประเทศนั้นๆ ปัจจุบันเป็นหุ้นที่ ‘ถูก’ หรือ ‘แพง’ มากน้อยแค่ไหน เพราะสัดส่วน ‘หุ้นดีราคาถูก’ ในตลาดหุ้นจะบอกถึงโอกาสทำกำไรของตลาดหุ้นนั้นๆ ได้ดี ตลาดหุ้นใดมีหุ้นพื้นฐานดีเยอะกว่า แสดงว่าเป็นตลาดที่มีรากฐานการเติบโตแข็งแกร่งและยั่งยืนกว่า แต่หาก ‘หุ้นดีราคาแพง’ มีจำนวนเยอะกว่า ‘หุ้นดีราคาถูก’ ก็เป็นไปได้ว่าตลาดหุ้นในตอนนั้นร้อนแรงเกินไป ราคาหุ้นค่อนข้างเฟ้อเป็นฟองสบู่รอวันแตก และถ้าเราลงทุนในเวลานั้นแล้วฟองสบู่แตกจริงก็จะทำให้เราขาดทุนหนักๆ ได้ แม้ว่าเราจะซื้อหุ้นที่ดีไว้ก็ตาม ดังนั้น การเลือกลงทุนในประเทศที่มีหุ้นพื้นฐานดีและราคาถูก จำนวนมากกว่า ย่อมเป็นโอกาสการลงทุนที่ดีกว่า”

นายตราวุทธิ์กล่าวอีกว่า ในฐานะฟินเทคที่วิเคราะห์ข้อมูลตลาดหุ้น 29 ประเทศทั่วโลก ในระยะเวลากว่า 12 ปี ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทสามารถพัฒนาอัลกอริทึม เพื่อการลงทุนตามแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investing) คัดเลือก ‘หุ้นดีราคาถูก’ ผ่านแผนการลงทุน Jitta Ranking ที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยให้นักลงทุนสร้างผลตอบแทนที่ดี ชนะตลาดในระยะยาว อีกทั้งยังบริหารและมีข้อมูลการลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลที่เกิดขึ้นจริงร่วม 80,000 พอร์ต ทำให้การวิเคราะห์แม่นยำเข้าใจวัฏจักรการลงทุนได้ลึกซึ้งมากขึ้น จึงได้พัฒนาต่อยอดแผนการลงทุน Jitta Ranking ให้เหนือขั้น ด้วย Alpha AI อัลกอริทึมวิเคราะห์ประเทศที่ ‘น่าลงทุนที่สุด’ ในแต่ละปี เกิดเป็น Jitta Ranking Alpha แผนการลงทุนใหม่ที่ช่วยให้นักลงทุน สามารถลงทุนใน ‘ตลาดหุ้นที่ดี ในเวลาที่เหมาะสม’ และ ‘หุ้นดีราคาถูก’ ได้พร้อมๆกัน ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้นักลงทุนได้ดีกว่า

นายตราวุทธิ์กล่าวว่า หลักการคัดเลือก ‘ตลาดหุ้นที่ดี ในเวลาที่เหมาะสม’ ของ Jitta Ranking Alpha คือการวิเคราะห์หาประเทศที่มี ‘หุ้นดีราคาถูก’ มากที่สุด และตลาดมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้น โดย Alpha AI ของ Jitta จะคัดเลือกประเทศที่น่าลงทุนที่สุดในปีนั้นๆ โดยวิเคราะห์สัดส่วนจำนวน ‘หุ้นดีราคาถูก’ จากตลาดหุ้น 4 ตลาดที่น่าสนใจที่สุด ได้แก่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จีน ฮ่องกง และญี่ปุ่น จากนั้นจะวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบวัฏจักรการปรับตัวขึ้นลงของแต่ละตลาดย้อนหลัง เพื่อหาคำตอบว่า ตลาดหุ้นไหนมีแนวโน้มและโอกาสลงทุนที่ดีกว่ากันในแต่ละปี ก่อนจะสรุปว่า ประเทศใดเป็นตลาดหุ้นดี ราคาถูกน่าลงทุนที่สุด โดยจะทำการทบทวนตลาดหุ้นที่ลงทุนในช่วงเดือนพฤศจิกายน - มกราคม ของทุกปี เพื่อดูว่าในปีถัดไปควรลงทุนในตลาดหุ้นเดิมต่อหรือปรับพอร์ตไปลงทุนในประเทศอื่นที่มีโอกาสเติบโตมากกว่า

โดยกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking Alpha มีแนวทางจัดพอร์ต กระจายความเสี่ยง และปรับพอร์ต เพื่อป้องกันผลกระทบจากความผันผวนของราคาหุ้นตัวใดตัวหนึ่งมากจนเกินไป จึงจะเน้นการกระจายความเสี่ยงลงทุน 20 หุ้น ตามการจัดอันดับของ Jitta Ranking ประเทศนั้นๆ ในสัดส่วนเท่าๆ กัน (Equal Weight) รีวิวและปรับพอร์ตทุกๆ 3 เดือน ตามช่วงเวลาประกาศผลประกอบการของธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีการรีวิวและปรับเปลี่ยนตลาดหุ้นที่ลงทุนในทุกๆ ปี

สำหรับ Jitta Ranking Alpha เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาในการบริหารจัดการด้วยตนเอง แต่ต้องการลงทุนในหุ้นรายตัว เพื่อผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี (Benchmark) ในระยะยาว สนใจและรับความเสี่ยงสูงของการลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้ ไม่มีประเทศใดประเทศหนึ่งที่ต้องการลงทุนเป็นพิเศษ เน้นคว้าโอกาสที่ดีที่สุด สามารถลงทุนระยะยาวอย่างน้อย 3-5 ปีขึ้นไป

ทั้งนี้ Jitta Ranking Alpha กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 2 ล้านบาท เพื่อการกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนที่ดีสุดจากการทดสอบผลตอบแทนย้อนหลัง (Back Test) 10 ปี ตั้งแต่ 2557-2566 ของ Jitta Ranking Alpha เฉลี่ยอยู่ที่ 20.71% ต่อปี (ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567)

#จิตตะเวลธ์ #ข่าววันนี้ #JittaRankingAlpha #ตลาดหุ้น #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์