วันที่ 11 ธ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่ ห้องประชุมกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงต่างประเทศ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร.รรท.ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พ.ต.อ.เจษฎา บุรินทร์สุชาติ ผกก.กลุ่มงานรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ บก.ตอท. และผู้แทนจากฝ่ายกิจการต่างประเทศ บก.อก.บช.สอท. ร่วมกับ นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าพบคณะอัครราชทูตจีนประจำปะเทศไทย นำโดย นาย อู๋ จื้ออู่ อัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย,นายเวิน หย่งกัง ที่ปรึกษาและผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ,นายเหริน จิ้งฮุย เลขานุการเอกฝ่ายการเมือง,นายสือ หยุน เลขานุการโท/ผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ พร้อมคณะ เพื่อประชุมหารือและขอความร่วมมือในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมทั้งขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์
โดยการหารือในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย 5 ประเด็นสำคัญ ได้แก่1. ต้นเหตุของปัญหาศูนย์หลอกลวง (Scam Centers)ควรให้ความสำคัญในการร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อให้เกิดผลการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม และต่อเนื่อง โดยเฉพาะระหว่างไทย-จีน-กัมพูชา-เมียนมา และลาว ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาศูนย์หลอกลวงที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และเน้นถึงความร่วมมือที่ยั่งยืนเพื่อประสิทธิภาพในการปราบปราม 2. บทบาทของตำรวจและเจ้าหน้าที่ในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญในการไม่ยอมให้มีศูนย์หลอกลวงตั้งอยู่ในประเทศ และการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์อย่างจริงจัง เพื่อให้ไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตานานาชาติ โดยที่ผ่านมาหน่วยงานของไทยปราบปรามศูนย์หลอกลวงในประเทศไทยเมื่อได้รับคำร้องทุกครั้ง และส่งข้อมูลให้แก่หน่วยงานต่างประเทศมาโดยตลอด จึงอยากให้ประเทศอื่นดำเนินการเช่นเดียวกัน,3. การแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้กระทำผิดการเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการส่งต่อข้อมูลผู้ต้องสงสัยหรือผู้ที่เกี่ยวข้องระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปราบปรามการหลอกลวงข้ามชาติ ,4. การฝึกอบรมและพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกันแนะนำการใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาแล้ว เช่น อุปกรณ์ False Base Station เป็นต้น เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้า และป้องกันการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวหลอกลวงประชาชน,5. การสนับสนุนการออกกฎหมายและการบังคับใช้:ความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายร่วมกัน เพื่อนำคนร้ายข้ามชาติกลับมาดำเนินคดี พร้อมสร้างความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค
นอกจากนี้ ทางนาย อู๋ จื้ออู่ อัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ยังได้เป็นตัวแทนกล่าวขอบคุณการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ “ในช่วงสองปีครึ่งที่ผ่านมา ผมรู้จักหน่วยงานต่าง ๆ และทุกครั้งที่พบและหารือกันก็แสดงความชื่นชมกับตำรวจไทย โดยตั้งแต่เดือน ก.พ.67 เป็นต้นมา ทางตำรวจไทยและเมียนมาร์ ได้ช่วยเหลือให้มีการส่งกลับอาชญากรจำนวน 889 คน กลับไปดำเนินคดีที่จีน ทำให้ผมได้เห็นความเป็นมืออาชีพและมีศักยภาพของตำรวจไทย