หนุ่มร้อง กองปราบ ถูก ส.ส.ดังปทุมธานี ส่งลูกน้องข่มขู่คุกคาม หลังมีปัญหาจากเรื่องขับรถแช่ขวา 

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 ธ.ค. ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ดร.พิมไหมทอง ศักดิพัตโภคิน หัวหน้าพรรคพร้อม พานายรัฐพล อายุ 31 ปี อาชีพอิสระ ผู้เสียหายเดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกรณีถูก ส.ส. รายหนึ่งในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ส่งลูกน้องมาข่มขู่คุกคามที่บ้านพัก หลังมีปัญหาขับรถปาดหน้ากันบนท้องถนน 

นายรัฐพล กล่าวว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังขับรถกำลังกลับบ้าน บริเวณถนนรังสิตนครนายกเลียบคลอง 2 พบรถตู้แวนคันหนึ่งขับแช่ขวา จึงพยายามขับแซง แต่รถตู้คันดังกล่าวกลับไม่ยอมให้ทาง จึงกระพริบไฟขอทาง แต่ก็ไม่เป็นผล กระทั่งต่อมาตนสามารถเร่งเครื่องแซงรถคันดังกล่าวไปได้ ก็ขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านตามปกติ ไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งระหว่างกำลังเลี้ยวเข้าหมู่บ้าน ก็พบว่ารถตู้คันดังกล่าวได้ขับตามมา ก่อนจะมีการตะโกนด่าทอและท้าทายให้ออกไปเคลียร์กันข้างนอกหมู่บ้าน ด้วยความโมโหจึงเดินตามออกไป ขณะเดียวกันเพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์เห็นท่าไม่ดี จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.คลองหลวง 

“หลังจากตนตามออกไปข้างนอก พบว่าคู่กรณีได้โทรเรียกลูกน้อง จึงพยายามจะขับหนี ก่อนมีลูกน้องของคู่กรณีขับรถเบนซ์คันหนึ่งไล่ตาม แต่ไม่สามารถตามเข้าหมู่บ้านได้ แต่หลังจากนั้นไม่นาน พบว่า มีรถจักรยานยนต์ 1 คัน คนขี่สวมหมวกกันน็อคสักลายเต็มตัว ขี่รถมาจอดแล้ววิ่งลงจากรถ ก่อนที่จะทำท่าชักอาวุธจากในกระเป๋า จึงรีบวิ่งขึ้นรถและขับเข้าบ้านทันที พร้อมกับโทรแจ้งตำรวจสภ.คลองหลวง อีกครั้ง ให้มาระงับเหตุ แต่ตำรวจมาไม่ทัน คู่กรณีกลับไปก่อน เช้าวันต่อมาตนก็พบว่ามีรถเบนซ์คันเดิมของลูกน้องคู่กรณี และมีชายฉกรรจ์ขี่รถจักรยานยนต์มา 4 คัน รวมทั้งหมดแล้วประมาณ 7-8 คน เข้ามาในหมู่บ้านและถามหาตน และยังอ้างว่ามานำภาพกล้องวงจรปิดไปแจ้งความเอาผิดตนที่ทำให้รถของคู่กรณีเสียหาย”

ตอนหลังตนเพิ่งทราบว่าคู่กรณีเป็น ส.ส.พรรคการเมืองใหญ่ และเป็นผู้มีอิทธิพลในจังหวัด จากการที่คู่กรณีแลกบัตรเข้าหมู่บ้าน จึงเกิดความกังวลถึงเรื่องความปลอดภัย ทำให้ตัดสินใจมาเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจกองปราบในวันนี้ 

ด้าน ดร.พิมไหมทอง กล่าวว่า หลังจากนี้จะพาผู้เสียหายไปยื่นหนังสือต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อร้องเอาผิดด้านจริยธรรมของส.ส.ดังกล่าว อีกทั้งจะปรึกษาหารือกันว่าจะมีการดำเนินการแจ้งความที่หน่วยงานอื่นเพิ่มเติมหรือไม่.