เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ที่ห้องประชุม SWOC โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ส.ส เขต จ.นครราชสีมา พรรคประชาชน (ปชน.) ประกอบด้วย เขต 1 นายฉัตร สุภัทรวณิชย์ เขต 2 นายปิยชาติ รุจิพรวศิน เขต 3 นายศุทธสิทธิ์ พจน์ฐศักดิ์ และคณะทำงาน เดินทางมาพบนายสุคนธ์ เต็มยศยิ่ง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง รักษาการแทนผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครราชสีมา เพื่อติดตามสอบถามข้อมูลน้ำในเขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว พร้อมขอคำแนะนำเกี่ยวกับมาตรการเตรียมรับสถานการณ์ช่วงฤดูแล้งปี 2568
นายอำนาจ วรรณมาโส หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน ชี้แจงปริมาณน้ำล่าสุด 99.14 ล้าน ลบ.เมตร หรือ 32 % ของพื้นที่เก็บกัก 314.14 ล้าน ลบ.เมตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ “น้ำน้อยวิกฤต” และต้องเฝ้าระวัง สาเหตุหลักเนื่องจากปริมาณฝนตกในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยกว่า 300 มิลลิเมตร โดยมีมวลน้ำไหลมาเติม 80.87 ล้าน ลบ.เมตร แต่ต้องระบายน้ำสนับสนุนกิจกรรมสำคัญ 95.46 ล้าน ลบ.เมตร
นายสุคนธ์ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง เปิดเผยว่า ปี 2567 ถือเป็นปีที่มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนน้อยที่สุด นับตั้งแต่สร้างเขื่อนมา 56 ปี โดยบริการจัดการน้ำอย่างเหมาะสม ให้รัดกุมและเกิดประโยชน์สูงสุด จึงต้องวางแผนจัดการน้ำอย่างเข้มข้นตามมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดการชลประทาน (JMC) ลุ่มน้ำลำตะคอง ครั้งที่ 2/2567 เห็นชอบกำหนดใช้อุปโภค บริโภค 73 ล้าน ลบ.เมตร รักษาระบบนิเวศ 35 ล้าน ลบ.เมตร เกษตรกรรม 7 ล้าน ลบ.เมตรและอุสาหกรรม 6 ล้าน ลบ.เมตร โดยประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือให้เกษตรกร งดปลูกข้าวนาปรัง ล่าสุดมีกว่า 1 พันไร่ โดยให้ปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทน เพราะมีความเสี่ยงสูงที่ผลผลิตจะขาดน้ำและได้รับความเสียหายจากภัยแล้ง
ทั้งนี้ได้ประสานศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง หากเมฆมีความชื้นขอให้ดำเนินการทันทีและขอสนับสนุนกำลังฝ่ายปกครองและผู้นำชุมชนคอยติดตามตรวจสอบการลักลอบปิดกั้นประตูน้ำหรือวางสิ่งของกีดขวางเส้นทางน้ำ เพื่อสนับสนุนน้ำดิบให้กับการประปาเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา การประปาส่วนภูมิภาคสีคิ้ว การประปาท้องถิ่น รวม 81 แห่ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้น้ำกว่า 1 ล้านคน ในพื้นที่ 6 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ปากช่อง อ.สีคิ้ว อ.สูงเนิน อ.ขามทะเลสอ อ.เมือง และ อ.เฉลิมพระเกียรติ มีน้ำกินน้ำใช้และกิจกรรมดำรงชีพพอเพียง
นายฉัตร ส.ส เขต 1 ปชน. กล่าวว่า บริบทเมืองโคราชเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมากขึ้นและมีแนวโน้มปีหน้าวิกฤตภัยแล้งอาจรุนแรงเหมือนปี 2548 ซึ่งต้องสนธิกำลังผลัดเปลี่ยนเวรยามคอยลาดตระเวนตามคลองน้ำธรรมชาติป้องปรามการแย่งชิงน้ำดิบ ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องร่วมด้วยช่วยกันอย่างจริงจัง