“MAGURO” ผู้นำร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นและเกาหลีระดับพรีเมียม-แมส เปิดตัวแบรนด์ที่ 4 ในเครือมากุโระ กรุ๊ป Tonkatsu AOKI (ทงคัตสึ อาโอกิ) สุดยอดร้านทงคัตสึร้านดังจากประเทศญี่ปุ่น ที่ต้องใช้เวลาต่อคิวยาวถึง 2 ชม. ด้วยมิติรสชาติให้หมูทอดกรอบนอกนุ่มใน อร่อยถึงใจ พร้อมเสิร์ฟให้ชาวไทยได้ประสบการณ์ความอร่อยแล้ว 20 ธ.ค.นี้ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 3 โซน Nippon Avenue นับเป็นการเติมเต็ม Ecosystem ของ MAGURO Group ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.67 คุณเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวแบรนด์ที่ 4 ในเครือมากุโระ กรุ๊ป หลังจากที่บริษัทฯ ได้ร่วมลงนามสัญญากับ บริษัท ไฟนด์ จำกัด เจ้าของร้านอาหาร Tonkatsu AOKI (ทงคัตสึ อาโอกิ) เมื่อเร็วๆ นี้ โดย MAGURO จะได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ในการเปิดร้านอาหาร Tonkatsu AOKI (ทงคัตสึ อาโอกิ)  สุดยอดร้านทงคัตสึร้านดังจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถูกจัดในหมู่คนญี่ปุ่นว่าเป็นร้านแบบเซ็นมงเต็น (แปลว่าร้านอาหารที่เน้นเฉพาะทาง) ยอดนิยมจากประเทศญี่ปุ่นและ Foodies ทั่วโลก

ร้าน Tonkatsu AOKI เป็นร้านหมูทอดทงคัตสึ ที่ลูกค้ายอมเข้าคิวรอนานร่วม 2 ชั่วโมงในบางวัน จนติด Tabelog’s Top 100 ร้านทงคัตสึ ด้วยค่าเฉลี่ยคะแนนสูงลิ่ว 3.8 คะแนน โดย Tablelog เป็นเว็บไซต์รีวิวและให้คะแนนร้านอาหารยอดนิยมในประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีการันตีความอร่อยจากคะแนนใน Tripadvisor ถึง 4 ดาว จาก 16 สาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น อาทิ สาขาในย่าน Ginza ในโตเกียว และ 5 สาขาในฮอกไกโด ด้วยจุดเด่นในการเลือกใช้วัตถุดิบจากเนื้อหมูชั้นเลิศ แป้งสูตรพิเศษของทางร้าน ที่บาง เบา และกรอบ เสริมด้วยกรรมวิธีการทอดที่ให้รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงประสบการณ์การลิ้มรสทงคัตสึแบบใหม่ด้วยสูตรพิเศษจิ้มเกลือ 3 ชนิด สร้างประสบการณ์ลิ้มรสทงคัตสึแบบใหม่ โดดเด่นไม่เหมือนใคร

ด้านคุณจักรกฤติ สายสมบูรณ์ กรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง MAGURO กล่าวว่า เมนูทงคัตสึหรือหมูทอดญี่ปุ่นเป็น 1 ในเมนูยอดนิยมของคนไทย โดยจะเห็นว่าเป็นหนึ่งในเมนูยอดฮิตที่คนไทยจะต้องไปทานทุกครั้งที่ไปญี่ปุ่น เราจึงอยากได้แบรนด์ที่มีความชำนาญเรื่องหมูทอดทงคัตสึอย่างแท้จริง ที่จะมาสร้างความแตกต่างให้กับตลาดทงคัตสึในไทย ไม่ว่าจะเป็นกรรมวิธีการทอด การใช้วัตถุดิบต่างๆ เพื่อให้ได้ซึ่งรสชาติที่ดีที่สุด

สำหรับเมนูที่น่าสนใจของ Tonkatsu AOKI ที่เป็นไฮไลต์ เช่น เซต 'Jo' หมูสันนอกพรีเมียม และ 'Tokuhire' หมูสันในพรีเมียม เสิร์ฟพร้อมข้าว Koshihikari และซุปทงจิรุ เสิร์ป 200 กรัม ในราคา 490 บาท นอกจากนี้ยังมีเมนูที่พิเศษมากยิ่งขึ้นกับเมนูซิกเนเจอร์ที่มีความพิเศษตรงที่ Tonkatsu AOKI เลือกใช้เนื้อหมูส่วนสันไหล่ชนิดพิเศษจาก Hokkaido เช่นเมนู Kata Set ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่ม เสิร์ฟด้วยขนาด 300 กรัม ในราคา 890 บาท ส่วนผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ทงคัตสึแบบต้นตำรับแท้ๆจากประเทศญี่ปุ่น Tonkatsu AOKI ได้จัดเมนูไฮไลต์ที่สุด คือ Ribu Set ซึ่งเป็น AOKI Original Size ยกไซส์แบบญี่ปุ่นมาเสิร์ฟที่ไทย กับขนาด 400 กรัม ในราคา 990 บาท และที่ขาดไม่ได้คือ set เอ็กซ์คลูซีฟไซส์ 120 กรัมเฉพาะประเทศไทยกับเมนูเริ่มต้น Rosu Set หมูสันนอก และ Hire Set หมูสันใน ในราคาเริ่มต้นที่ 320 บาท

ทั้งนี้หนึ่งในองค์ประกอบที่ทำให้ Tonkatsu AOKI สมบูรณ์แบบในทุกคำ คือการคัดสรรเกลือพรีเมียมแต่ละชนิดอย่างพิถีพิถันเพื่อเพิ่มมิติรสชาติให้หมูทอดกรอบนอกนุ่มใน อร่อยถึงใจ ไม่ว่าจะเป็น Kuro Shio (AOKI Black Himalayan Salt): เกลือหิมาลายันสีดำหายากจากภูเขาสูง Pinku Shio (AOKI Pink Himalayan Salt): เกลือ   หิมาลายันสีชมพูจากธรรมชาติแท้ และ Shiro Shio (AOKI Sea Salt): เกลือทะเลขาวบริสุทธิ์ เสริมรสชาติหมูทอดกรอบนอกนุ่มในให้ยิ่งเด่น มีเอกลักษณ์แบบต้นตำรับ อีกทั้งยังใช้ข้าว“Koshihikari”ราชาแห่งข้าวญี่ปุ่น จากนีงาตะที่ขึ้นชื่อเรื่องความเหนียวนุ่มและรสชาติหอมละมุน โดยหุงผ่านเทคนิคพิเศษด้วยหม้ออบแรงดัน เพื่อให้ข้าวคงความนุ่ม หนึบ และมีรสหวานละมุนในทุกคำ

"ภาพรวมทั้งปีนี้ บริษัทฯ ได้ขยายสาขาและเพิ่มแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาเพื่อให้ครอบคลุมลูกค้าทุกเซ็กเม้นท์ นอกจากจะเปิดร้าน Tonkatsu AOKI ในวันที่ 20 ธ.ค. นี้ที่เซ็นทรัล เวิลด์ ชั้น 3 โซน Nippon Avenue  แล้ว ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการ The Flavorhood ตั้งอยู่บนประดิษฐ์มนูธรรม บนพื้นที่ 2 ไร่ ที่ประกอบไปด้วย 3 ร้านอาหารในเครือ MAGURO ทั้งร้าน MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิสไตล์ระดับพรีเมียม HITORI SHABU ร้านชาบูและสุกียากี้ หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซ และที่กำลังจะเปิดที่นี่ในวันที่ 25 ธ.ค. [OA1] นี้ คือร้าน CouCou ร้านอาหารรูปแบบ All-Day Dining สไตล์ตะวันตก นับว่าเป็นการเติมเต็ม Ecosytem ให้กับบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง” คุณเอกฤกษ์ กล่าวสรุป

ปัจจุบัน MAGURO Group มีร้านอาหารในเครือ รวมทั้งหมด 35 ร้านจาก 3 แบรนด์ คือ 1.) MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิสไตล์ระดับพรีเมียม 18 ร้าน 2.) SSAMTHING TOGETHER ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลี วัตถุดิบพรีเมียม 6 ร้าน 3.) HITORI SHABU ร้านชาบูและสุกียากี้ หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซ 10 ร้าน และร้าน HITORI SUKIYAKI ร้านสุกียากี้คันไซแบบดั้งเดิมในรูปแบบ Authentic Japanese Sukiyaki Course ในรูปแบบ Stand Alone ซึ่งเปิดสาขาแรกที่เอกมัย 12