“เพื่อไทย” เมิน”สนธิ”ปลุกม็อบปม MOU44 ปัด”ทักษิณ”ต้นตอปัญหา ด้าน “วันชัย” เตือนรัฐบาลระวังประวัติศาสตร์ซ้ำรอย แนะอย่าปล่อยฝ่ายตรงข้ามโจมตีอย่างเดียว 

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.67 น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีประเด็นปัญหา MOU 44 ว่า ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงได้ชี้แจงไปหลายประเด็นแล้ว และนายนพดล ปัทมะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ก็ได้ออกมาชี้แจงแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เรายังไม่ได้มีประเด็นหยิบยกขึ้นมาหารือ เพราะไม่ใช่กฎหมายที่จะนำเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร เมื่อถามว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล ระบุถ้ามีการนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมสภาและส.ส.โหวตเห็นชอบ จะถือว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการขายชาติด้วย น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า ก็ถือว่าเป็นความเห็นของคุณสนธิ แต่เรื่องนี้ยังไม่ได้เป็นกฎหมายเข้าสู่สภา อาจเป็นข้อกังวลของนายสนธิ แต่สำหรับตัวส.ส.ในการพิจารณาร่างกฎหมาย สภาถือเป็นพื้นที่เปิดในการแสดงความคิดเห็น หากมีเรื่องนี้เข้ามาก็จะต้องมีการถกเถียง และส.ส.ก็เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ถือว่าเป็นเรื่องในอนาคต ควรมีข้อมูลและดูให้รอบคอบจากทุกฝ่ายก่อน

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่เรื่องนี้จะเป็นจุดแตกหัก และเป็นปัญหาทางการเมืองกับรัฐบาล น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลเดินหน้าในการแก้ไขปัญหา กระตุ้นเศรษฐกิจ และแก้ไขปัญหาในหลายเรื่อง ซึ่งเราไม่ได้กังวล เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ทำงานตอบสนองพี่น้องประชาชน ดังนั้น ปัญหาเรื่องหนี้สิน ปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาที่เร่งด่วนมากกว่า ส่วนที่มีการเชื่อมโยงต้นตอว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมาจากสมัย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น ตนเห็นว่า MOU 44 เป็นข้อตกลงร่วมกัน ดังนั้นการจะเชื่อมโยงไปในอดีตกับปัจจุบัน และต้องมีข้อตกลง 2 ฝ่าย ขอให้รอความชัดเจน ถ้ามีเรื่องเข้าสภาก็ให้เป็นบทบาทของฝ่ายนิติบัญญัติน่าจะดีกว่า

ด้าน นายวันชัย สอนศิริ อดีตสว.โพสต์ข้อความเรื่อง "กระบอกเสียงหรือกระบอกเสีย รัฐบาล" แสดงความเห็น พร้อมตั้งคำถาม ทำไมฝ่ายรัฐบาลไม่ออกมาชี้แจงกรณี เอ็มโอยู 44 หลังถูกฝ่ายตรงข้ามกล่าวหาโจมตี ทั้งที่รัฐบาลมีความพร้อมทุกด้าน ว่า คำหนึ่งก็ขายชาติ คำหนึ่งก็เสียดินแดน คำหนึ่งก็ขัดพระบรมราชโองการ คำหนึ่งก็ทักษิณกับฮุนเซนแบ่งผลประโยชน์กัน คนที่เกลียดทักษิณก็พลอยเฮโลกันไปใหญ่ คนที่ไม่รู้เรื่องก็อะไรกันวะ แต่จะประมาทเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ เพราะสมัยรัฐบาลทักษิณก็เคยโดนเรื่องที่คิดว่าไม่เป็นเรื่องมาแล้ว ถึงขนาดชุมนุมประท้วงขับไล่ปฏิวัติรัฐประหาร ก็เพราะคิดว่าไม่มีอะไรนี่แหละ มันบานปลายจนมีอะไร

“ขบวนการที่ไม่เอาทักษิณ เขาเริ่มก่อตัวปล่อยข่าวว่าขายชาติ เสียดินแดน แบ่งผลประโยชน์กัน มันเรื่องใหญ่นะ แต่ฝ่ายรัฐบาลที่มีบุคคลากรและเครื่องไม้เครื่องมือเต็มไปหมด กลับไม่ค่อยมีข่าวหรือให้ข้อมูลในเรื่องนี้มากนัก เหมือนจะเงียบกริบไปเสียด้วย ในขณะที่ข้อมูลอีกฝ่ายหนึ่งแรงกว่าและก็ดังกว่า ทั้งที่ฝ่ายรัฐบาลพร้อมทุกๆด้าน กลับดูเหมือนจะสู้เขาไม่ได้ และคนที่จะออกมาพูดแล้วทำให้รู้เรื่องเข้าใจและน่าเชื่อถือยังไม่มีเลย เป็นเพราะอะไรไม่รู้ คนจากทำเนียบรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศที่น่าจะให้ข้อมูลได้ดี ชี้แจงแถลงก่อให้เกิดความเข้าใจได้ กลับหายหัวไปไหนกันหมด ปล่อยให้นายกอึกๆอักๆ เก้ๆกังๆอยู่ได้ ผมแปลกใจมาก หรือจะรอให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอย ที่รัฐบาลทักษิณเคยได้รับบทเรียนสาหัสสากรรจ์มาแล้วนั้น ยังไม่พออีกหรือ”

ส่วน นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “Paisal Puechmongkol” ถึง นายธงทอง จันทรางศุ หนึ่งในคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร กรณีที่นายธงทองอ้างว่าเห็นใจและเป็นห่วงการชุมนุมของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เพราะมีแต่คนแก่มาร่วม โดยนายไพศาลได้เปรียบเปรยการแสดงออกของนายธงทองว่า เหมือนตาเถรขวาด ผู้เรืองวิทยาคมทางภาคเหนือในอดีต ที่สามารถแปลงร่างเป็นจระเข้ได้ แต่ได้ใช้วิชาคมนั้นก่อกรรมทำเข็ญให้แก่ผู้คนมากมายจนในที่สุดก็ต้องตายอย่างอนาถ 

รายละเอียดข้อความของนายไพศาล มีดังนี้ ธงทอง แสดงความห่วงใยม็อบสนธิว่าเป็นผู้สูงวัย เกรงว่าจะเป็นลมเป็นแล้งและลูกหลานจะลำบาก จึงนึกถึงแผ่นเสียงตกร่องหรือเทปคาสเซ็ตที่ไม่มีเครื่องเปิดในปัจจุบันนี้ จะมีใครสักกี่คนเห็นน้ำใจนี้ว่าเมตตาและเลิกลงถนนกัน ขรัวช่างมีจิตใจ เมตตาเสียเหลือเกิน ช่างกล่าววาจายอกย้อนจนคนทั้งหลายอาจคิดไม่ทัน คงคิดว่าไม่มีใครรู้จักกระมัง อันน้ำตานั้น ไม่ใช่สิ่งแสดงออกซึ่งความเสียใจเสมอไป ดังเช่นน้ำตาจระเข้ ที่เวลาจะขม้ำเหยื่อก็มักจะมีน้ำตาไหลออกมา

คุณธงทองเป็นนักวิชาการ ที่มีชื่อเสียงมาก มีภาพลักษณ์รู้ราชนิติประเพณีเป็นอย่างดี จึงมักเป็นวิทยากรในพิธีการสำคัญอยู่เสมอ และอาจารย์ธงทองคนนี้แหละ ที่ไปดูที่ทางให้นายกทักษิณนั่งในวัดพระแก้วเมื่อครั้งทำบุญประเทศอันลือลั่นสนั่นเมืองมาแล้ว และยังเป็นผู้ที่มีเครือข่ายใกล้ชิดกับขบวนการไสยศาสตร์ทางกฎหมายของประเทศไทยมาช้านาน

มาวันนี้ก็ยังคงได้ดิบได้ดีช่วยงานสำคัญในรัฐบาลอยู่มาก ดังนั้นความเห็นอกเห็นใจของท่านอาจารย์ธงทอง คงไม่อาจทำให้มวลมหาประชาชนชาวไทย ที่ใฝ่ใจรักชาติบ้านเมือง หวงแหนเอกราชอธิปไตย และ ต่อต้านการโกงบ้านกินเมืองเขาหวั่นไหวหรอกนะครับ
ผมเองเห็นข่าวเรื่องนี้แล้ว ใจก็นึกถึงตาเถรขวาด ผู้เรืองวิทยาคม ทางภาคเหนือในอดีต สามารถแปลงร่างเป็นจระเข้ได้ แต่ได้ใช้ วิชาคมนั้น ก่อกรรมทำเข็ญให้แก่ผู้คนมากมาย จนในที่สุดก็ต้องตายอย่างอนาถท่ามกลางความเหยียดหยามของผู้คนมาจนถึงทุกวันนี้