วันที่ 9 ธ.ค.2567 เวลา 08.40 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย หรือ พท. และคณะ เสนอให้การรับฟังความเห็นเขียน ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่…) พ.ศ. … โดยให้อำนาจคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีหน้าที่และอำนาจพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล เพื่อสกัดการรัฐประหาร ว่า ตนในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองกอง ต้องรอดูเหตุและผลในที่ประชุม ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ชั้นที่ประชุมสภากลาโหมแล้ว โดยจะมีข้อคิดเห็นและข้อแนะนำปรับปรุง ซึ่งต้องดูเรื่องหลักการและความเป็นจริงว่าจะจัดการอย่างไรเพราะการเปลี่ยนแปลงที่ดีทุกคนปรารถนาอยู่แล้ว แต่จะเปลี่ยนให้ได้ถึงขนาดไหนอย่างไร ก็ต้องดูข้อเท็จจริงและดูความเห็นจากทุกฝ่ายฝ่าย
เมื่อถามว่า เห็นด้วยกับหลักการที่ นายประยุทธ์ เสนอหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนเป็นประธานที่ประชุมจึงไม่อยากพูดคุยไปก่อน ขอฟังทุกอย่างก่อน
เมื่อถามว่า แนวคิดดังกล่าวอาจจะเป็นการลดอำนาจของทหาร รมว.กลาโหม กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะออกมาอย่างไรอย่าพึ่งไปคิดว่าลดหรือไม่ เพราะตนไม่มีเจตนาลดอำนาจทหารอยู่แล้ว เพราะเค้าก็มีกฎระเบียบกฎหมายของเขาในการควบคุมดูแลเหมือนพลเรือน ซึ่งหากมีปัญหาก็ต้องแก้ไข
เมื่อถามย้ำว่า แนวคิดการให้อำนาจ ครม.ตั้งนายพลดลแล้วแล้วหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าไปคิดแทนที่กฎหมายมี
เมื่อถามต่อว่า ส่วนที่พิการตั้งข้อสังเกตว่าหาก พ.ร.บ.ดังกล่าว ผ่านจริง และหากรัฐประหารจะรุนแรงกว่าที่ผ่านมา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่เคยเห็นรายงานว่ามีใครพูด และตนยังไม่มีการคุยเรื่องนี้กับผู้บัญชาการเหล่าทัพคนใดเลย ฉะนั้นขอสื่ออย่าคิดไปก่อนว่ามันจะเกิดขึ้น พร้อมย้ำว่าขอรอฟังความเห็นจากคณะกรรมการกลั่นกองก่อน อย่ามองว่าจะมีข้อสรุปอย่างนั้นอย่างนี้เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องประชุม
เมื่อถามว่า หวั่นจะเป็นประเด็นรอยร้าวระหว่างการเมืองกับกองทัพหรือไม่ รมว.กลาโหม ระบุว่า ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และยืนยันว่ากองทัพกับการเมืองตอนนี้ก็คุยกันดี ตนอยู่กระทรวงกลาโหมก็ได้รับการสนับสนุน ต้อนรับ สนับสนุนในการทำงาน และไม่มีเหตุอะไรที่ตนจะไปล้วงลูกฝ่ายข้าราชการประจำซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามหลักเหตุและผล ฉะนั้นอย่าไปคิดอะไรให้กันเลยเพราะมันจะสร้างแต่ความขัดแย้ง ขอให้พูดแต่ประเด็นที่เป็นจริงมีอะไรเกิดขึ้นแล้วค่อยมาถาม ไม่ใช่ “ถ้า” อย่างโน้นอย่างนี้เพราะเป็นการคิดฝันไปเอง ดังนั้นขอให้อยู่เป็นข้อเท็จจริง