นายกฯอิ๊งค์โชว์นโยบายเรือธง "นายกฯ" ให้จับตาแถลงผลงานรัฐบาลครบ 3 เดือน ภายใต้ชื่อ "2568 โอกาสไทย ทำได้จริง" ก่อนเปิดนโยบาย เรือธงปี68 เดินหน้าประเทศ 12 ธ.ค.นี้ ทักษิณ พร้อมร่วมงานสัมนา'เพื่อไทย'สัญจร ถกปัญหาชาวบ้าน ด้าน'ชูศักดิ์' เผย ร่างกม.นิรโทษ ฉบับเพื่อไทยเสร็จแล้ว รอให้ที่ประชุมส.ส.พิจารณา        

 เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.67  น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว และทวิตข้อความผ่าน X ระบุว่า 2568 โอกาสไทย ทำได้จริง 2025 Empowering Thais: A Real Possibility จากผลงานที่เป็นรูปธรรม สู่อนาคตที่ทำได้จริง วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคมนี้ เวลา 10.00 น. ถ่ายทอดสดที่ช่อง NBT2HD และ Facebook Live: Live NBT2HD          

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 12 ธ.ค.เวลา 10.00 น. น.ส.แพทองธาร เป็นประธานการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ 3 เดือน และมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน ภายใต้ชื่อ 2568 โอกาสไทย ทำได้จริง ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ ทั้งนี้ จะมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 500 คน ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ข้าราชการฝ่ายการเมืองหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่า ผู้ว่าฯกทม. ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โฆษกกระทรวง หัวหน้ารัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารองค์การมหาชน และสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน          

ขณะที่ การแถลงผลงานจะเป็นช่วง 90 วัน ตั้งแต่น.ส.แพทองธารเข้ารับตำแหน่งนายกฯในปี 67 รวมถึงกรอบการทำงานของรัฐบาลและโครงการที่เป็นเรือธงของรัฐบาลที่จะทำในปี 68 อาทิ โครงการเงินดิจิทัลที่จะเดินหน้าต่อในอนาคต กองทุนหมู่บ้าน การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการยกระดับเศรษฐกิจ พร้อมพบปะมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินแก่ผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการส่วนต่างๆ หลังมอบนโยบาย          

นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ ว่า วันที่ 13 ธ.ค.จะเป็นการพูดคุยกันถึงเรื่องนโยบาย ซึ่งเราจะมาระดมสมองกันว่าปัญหาของประชาชนที่ส.ส.ไปเจอมาจากการลงพื้นที่ช่วงปิดสมัยประชุมนั้น มีอะไรบ้าง โดยจะนำมาประมวลกันว่าจะสามารถเสนอกฎหมายอะไรเข้าสู่สภาฯ ได้บ้าง หรือจะทำเป็นนโยบายเร่งด่วนเพื่อให้ประชาชนสบายใจได้บ้าง รวมถึงจะมีการพูดคุยกันถึงร่างกฎหมายที่กำลังจะผ่านสภาฯ ว่ามีอะไรบ้าง          

สำหรับวันที่ 14 ธ.ค. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและพูดคุยกับผู้สัมมนาว่าจะแบรนดิ้งพรรคอย่างไรให้ทันสมัยและน่าสนใจมากขึ้น นอกจากนี้จะมีการพูดคุยเกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้ง ปัญหาของประชาชนมีอะไรบ้าง และเราจะทำอย่างไรเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วน          ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการจับตาถึงงานสัมมนาครั้งนี้ เนื่องจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปร่วมด้วย จะมีอะไรพิเศษหรือไม่ นายดนุพร กล่าวว่า บอกตามตรงว่าตนไม่ทราบว่านายทักษิณจะมาพูดอะไรกับส.ส.บ้าง แต่คิดว่าท่านน่าจะนำประสบการณ์ของท่านมาพูดคุยว่าท่านมองการเมืองอย่างไร และควรจะทำอย่างไรในการสร้างดาวดวงใหม่ในสภาฯ รวมถึงนำประสบการณ์ที่อยู่ต่างประเทศมาร่วมพูดคุยกับทาง ส.ส.        

 เมื่อถามว่า หากนายทักษิณขึ้นพูดบนเวที กังวลหรือไม่ว่าอาจจะมีคนไปร้องในประเด็นครอบงำพรรคเพิ่มอีก นายดนุพร กล่าวว่า ตนมองว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถชี้แจงได้ เพราะทุกครั้งที่มีการจัดสัมมนา พรรคเพื่อไทยจะมีการบันทึกเสียง หรือบางครั้งก็มีการบันทึกเป็นวิดีโอไว้ด้วย หากถูกร้องเราก็จะนำคลิปเสียงหรือวิดีโอมาดูว่าเป็นการครอบงำหรือไม่ แต่เชื่อว่าการที่นายทักษิณมาพูดในฐานะนักวิชาการนั้น จะไม่เกี่ยวกับการครอบงำ        

 ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคเพื่อไทย ที่จะเสนอเข้าไปประกบกับร่างพ.ร.บ.นิรโทษ ของพรรคการเมืองอื่นในสมัยประชุมหน้าที่จะเปิดวันที่ 12 ธ.ค.นี้ ว่า ขณะนี้การยกร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคเพื่อไทยถือว่าเสร็จแล้วในชั้นต้น โดยเนื้อหาใกล้เคียงกับร่างอื่นๆ ของพรรคต่างๆ ที่จะมุ่งเน้นไปที่ความผิดที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง ความขัดแย้งทางการเมืองในอดีตตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน โดยจะกำหนดนิยามเหตุจูงใจทางการเมืองไว้ให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้มีปัญหาตีความ        

 ทั้งนี้จะรวมถึงความผิดเกี่ยวเนื่องอื่นๆ เช่นความผิดฐานฝ่าฝืนพรก. พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด เป็นต้นโดยจะมีบัญชีแนบท้ายว่าความผิดอะไรบ้างที่จะได้รับการนิรโทษกรรม โดยให้มีคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาความผิดที่เข้าหลักเกณฑ์เพื่อให้เกิดความรอบคอบว่าความผิดอะไรเกี่ยวกับการเมืองอะไรไม่เกี่ยวข้อง คล้ายๆกับหลักการที่เคยศึกษามา หลังจากนี้จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชมสส.ของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้สส.ได้แสดงความคิดเห็นและให้มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างไรก็ตามการพิจารณากฎหมายดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้นทันทีตั้งแต่เปิดสมัยประชุมสภาฯจึงมั่นใจว่าร่างของพรรคเพื่อไทยจะสามารถเสนอเข้าไปพิจารณาพร้อมกับร่างอื่นๆได้ทัน          

เมื่อถามว่า ความผิดที่เกี่ยวกับการทุจริตจะได้รับการนิรโทษหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่อยากตอบว่าเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว เพราะจะเอาเป็นประเด็นทางการเมือง คำตอบจะอยู่ว่าเป็นความผิดตามบัญชีแนบท้ายหรือไม่ เราต้องตีความเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองและนิยามให้ชัดเพื่อไม่ให้เกิดการตีความในภายหลังอีก แต่เรื่อง 112 ที่ประชุมส.ส.เขามีมติไปตั้งแต่ปิดสภาว่าไม่รวม        

 วันเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง "ประชามติและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ" ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 2-3 ธ.ค.67 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านกระบวนการประชามติ          

จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับเกณฑ์การผ่านประชามติโดยต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่ง (เกินกว่า 50%) ของผู้มีสิทธิ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 51.37 ระบุว่า เห็นด้วยมาก รองลงมา ร้อยละ 21.83 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 15.50 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย ร้อยละ 10.46 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 0.84 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ          

สำหรับความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการกำหนดเกณฑ์การผ่านประชามติ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 59.54 ระบุว่า เสียงเห็นชอบต้องเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ (ต้องได้มากกว่า 50%) รองลงมา ร้อยละ 26.57 ระบุว่า เสียงเห็นชอบต้องเป็นเสียงส่วนใหญ่ (แต่ไม่จำเป็นต้องถึง 50%) ร้อยละ 12.52 ระบุว่า เสียงเห็นชอบต้องเป็นเสียงส่วนใหญ่ (ไม่จำเป็นต้องถึง 50%) แต่ต้องมากกว่าผู้ลงคะแนนช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน และร้อยละ 1.37 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ          

ด้านความต้องการของประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 27.63 ระบุว่า ต้องการมากรองลงมา ร้อยละ 27.02 ระบุว่า ไม่ต้องการเลย ร้อยละ 25.34 ระบุว่า ค่อนข้างต้องการ ร้อยละ 19.08 ระบุว่า ไม่ค่อยต้องการ และร้อยละ 0.93 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ          

ท้ายที่สุด เมื่อสอบความคิดเห็นของผู้ที่ระบุว่าต้องการมากและค่อนข้างต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (จำนวน 694 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับรูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ประชาชนต้องการ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 78.97 ระบุว่า ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา รองลงมา ร้อยละ 19.16 ระบุว่า ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และร้อยละ 1.87 ระบุว่า ไม่ตอบ          

ด้าน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ตนส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรี (น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ทำตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 59 ด้วยการเปิดเผยข้อมูลการใช้งบแปรญัตติของ สพฐ. งบประมาณ พ.ศ.2555 ทั้งหมดให้ข้าฯ เพื่อนำไปตรวจสอบว่า เหตุใดจึงปรากฏชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี/บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ได้รับงบแปรญัตติ 20 ล้านบาท และกรณีดังกล่าวจะเป็นเหตุให้ขัดรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 168 หรือไม่ และจะเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯ ข้อ 8 หรือไม่ ตามคำร้องเป็นข้อ ๆ ดังนี้ ข้อ 1. สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขแดงที่ อม. 31/2567 หน้า 44 ศาลเห็นว่า เห็นว่า บัญชีรายละเอียดขอสนับสนุนงบประมาณดังกล่าว เป็นการดำเนินการตามเงื่อนไขในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญว่าจะต้องรอข้อมูลจากสภาผู้แทนราษฎร โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะจัดสรรไปใช้จ่ายตามความต้องการของตนเอง บัญชีรายละเอียดขอสนับสนุนงบปนะมาณดังกล่าวจึงระบุไว้แต่เฉพาะรายชื่อของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ต้องการให้สำนักงานคณะกรรมการการผสึกษาขั้นพื้นฐานจัดสรรงบประมาณให้ตามที่ตนต้องการเท่านั้น ดังจะเห็นได้จากบัญชีรายละเอียดขอสนับสนุนงบประมาณดังกล่าวมีรายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพียงบางราย แสดงให้เห็นว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ใดมที่ไม่ประสงค์จะเกี่ยวข้องกับการจัดสรรงบประมาณก็จะยังไม่มีรายชื่อในบัญชีรายละเอียดขอสนับสนุนงบประมาณดังกล่าว          

ข้อ 2. โดยผลตามความในคำพิพากษาดังกล่าว อาจทำให้เข้าใจได้ว่า การใช้งบประมาณจากบัญชีรายละเอียดขอสนับสนุนงบประมาณดังกล่าว หรือที่เรียกว่าบัญชีคุมยอด (ใบโควตา) รายการแปรญัตติเพิ่มปี 2555 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่มีงบแปรญัตติเป็นคดีทั้งสิ้นรวม 4,459.42 ล้านบาท ย่อมไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญทั้งหมด ซึ่งแยกเป็นงบครุภัณฑ์ 512.142 ล้านบาท และ ค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 3,987.278 ล้าบาท โดยส่วนใหญ่เป็นของพรรคเพื่อไทย 2,568.42 ล้านบาท รวม 143 รายที่เหลือเป็นของ สส. พรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน          

ข้อ 3. สำเนาบางส่วนที่ถูกตัดไป จะไว้ร้องต่อไปเมื่อได้เอกสารของ สพฐ. จากนายกฯ แล้ว ข้อ 4. เฉพาะในส่วนของพรคเพื่อไทย มีรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 143 ราย โดยรายการที่ 72 คือ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี/บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ได้งบประมาณแปรญัตติรวม 20 ล้านบาท ข้อ 5. เมื่อไปตรวจดูพยานหลักฐานในสำนวนคดีหมายเลขดำที่ อม.17/2564 ลงวันที่ 14 กันยายน 2564 แฟ้มที่ 9 หน้า 3610 (ซึ่งศาลฎีกากำลังดำเนินกระบวนการพิจารณา) เกี่ยวกับงบแปรญัตติดังกล่าว ปรากฏชื่อ ส.ส.อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ จ.มุกดาหาร ได้รับงบแปรญัตติ 5 รายการ ๆ ละ 5 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงสนามกีฬาพร้อมอุปกรณ์ รวม 25 ล้านบาท (ดูสำเนารายชื่อลำดับที่ 139)          

ข้อ 6. จากพยานเอกสารในสำนวนคดีหมายเลขดำที่ อม.17/2564 และคดีหมายเลขแดงที่ อม. 31/2567 ทั้งสองข้างต้น จะเห็นได้ว่า พรรคเพื่อไทยได้โควตาจากงบประมาณ พ.ศ. 2555 ตามงบแปรญัตติของ สพฐ. 143 ราย เป็นเงิน 2,568.42 ล้านบาทซึ่งมากกว่าทุกพรรคการเมืองนั้น อาจจะไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 168 ในขั้นตอนการแปรญัตติงบ สพฐ. ทั้งนี้ ตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขแดงที่ อม. 31/2567 หน้า 44 ดังกล่าว          

ข้อ 7. จากพยานหลักฐานในคดีทั้งสองดังกล่าว การมีชื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี/บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ได้รับงบแปรญัตติจำนวน 20 ล้านบาท ด้วยนั้น จึงเป็นกรณีที่ควรตรวจสอบ เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอคำของบประมาณพ.ศ. 2555 และงบแปรญัตติผ่าน ครม. ด้วย แต่กลับมีชื่อได้งบแปรญัตติถึง 20 ล้านบาท ในส่วนของ สพฐ. ดังที่ปรากฏพยานหลักฐานในสำนวนคดี กรณี จึงควรมีการตรวจสอบให้ได้ว่า ทำไม นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงมีชื่อได้รับงบแปรญัตติ 20 ล้านบาท ด้วย และงบประมาณดังกล่าวได้มาโดยชอบหรือไม่ นำไปใช้ที่ใด อย่างไร หรือโอนให้บุคคลใด หรือไม่ และจะเป็นการใช้งบประมาณในลักษณะที่คล้ายกับกรณีตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขแดงที่ อม. 31/2567 หน้า 44 หรือไม่ หรือมีลักษณะที่คล้ายกับกรณีการฟ้องในคดีหมายเลขดำที่ อม.17/2564 หรือไม่          

ข้อ 8. เนื่องจากกรณีดังกล่าว อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม ข้อ 8 ฐานแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบดังนั้น จึงขอให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 59 เพื่อสั่งการให้ สพฐ. ส่งหลักฐานการการขอใช้งบแปรญัตติดังกล่าวทั้งหมดว่ามี สส.หรือบุคคลใดจากทุกพรรคซึ่งมีทั้ง รัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านทั้งหมดว่ามีทั้งสิ้นกี่ราย ที่ได้ของบแปรญัตติที่อาจขัดรัฐธรรมนูญตามแนวที่ศาลวินิจฉัยไว้ในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 31/2567 หน้า 44 และจะเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม ข้อ 8 หรือไม่          นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า หลังจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เปิดเผยตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาพักผ่อนท่องเที่ยวในประเทศไทย ภาพรวมปี 2567 ประเมินว่าจะอยู่ที่ 35 ล้านคน โดยคาดการณ์ว่าจากนโยบายและแคมเปญของรัฐบาลที่สนับสนุนให้จัดกิจกรรมบิ๊กอีเวนท์ตั้งแต่ปลายปีนี้ยาวจนถึงปี 2568 ทั้งปี ที่จะมีทั้งการแข่งขันวอลเลย์บอลและไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาซีเกมส์ ช่วงปลายปีนั้น มั่นใจว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไปแตะถึง 40 ล้านคนเป็นครั้งแรกได้ ซึ่งตนขอฝากให้รัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ททท.ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวให้เกิดความต่อเนื่อง และไม่เพียงแค่ดึงดูดชาวต่างชาติเท่านั้น แต่ควรจะมีโครงการส่งเสริมคนไทยเที่ยวในประเทศให้มากขึ้นด้วย พร้อมกับการประชาสัมพันธ์ให้คนไทยภาคภูมิใจและเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เกิดความประทับใจ          

ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่าการท่องเที่ยวจะสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นไปตามเป้า ทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจ จีดีพี เติบโตขึ้น ซึ่งรัฐบาลเอง ควรจะเร่งเครื่องมาตรการและโครงการต่างๆ เข้ามาเสริมเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ทั้งการสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้และลดค่าครองชีพให้กับประชาชน การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำให้เกิดความเหมาะสม โดยมองว่าควรทำควบคู่กับการแก้หนี้สินในครัวเรือนไปพร้อมกัน จะเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาวให้เกิดความยั่งยืนได้ อีกทั้ง ต้องเร่งแก้ปัญหายาเสพติด เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องเดินหน้าลุยปราบปรามและแก้ไขให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วด้วย         หลังจากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติเรื่องความพึงพอใจของประชาชนต่อผลงานของรัฐบาลในรอบ 2 เดือน ออกมาว่าคนไทยส่วนใหญ่ 48.8% ยังมีความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลาง มองว่า หากรัฐบาลเร่งเครื่องทำผลงานให้ชัดเจน ทั้งการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ปรับค่าแรงขั้นต่ำ ควบคู่กับการแก้หนี้ ลดความเหลื่อมล้ำ แก้ยากจน และปราบปรามยาเสพติด อาชญากรรมออนไลน์ให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น เชื่อว่า ระดับความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อผลงานรัฐบาล ในรอบ 90 วันจะปรับระดับเพิ่มขึ้นได้แน่นอน นายธนกร กล่าว