ญาติผู้เสียชีวิต 4 คนเดินทางไปยังมูลนิธิชุมพรฯ จ.ชุมพร จุดธูปไหว้ศพ เคาะโลง 3แม่ลูกเหยื่อสาวซิ่งเก๋ง BMW เสียชีวิตพร้อมกันเมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อเจรจารอบ 2 ในวันพรุ่งนี้ (8 ธ.ค.)ให้สำเร็จด้วยดี เรื่องค่าเยียวยาจำนวนวงเงิน 25 ล้านบาท ลั่นอยากให้เป็นคดีตัวอย่างคนจนรวยใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกันผิดถูกว่าตามจริงเกรงคดีพลิก
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 ธ.ค.67 นายประกฤษณ์ รัตนภา หรือติ๊ก อายุ 50 ปี เป็นทั้งสามีและพ่อของผู้เสียชีวิตแม่ลูก 3 ศพ พร้อมด้วยนางยุพา เมืองทอง อายุ 63 ปี นายสุวิทย์ เพชรทองไทย อายุ 60 ปี และนางนันทพร รัตนภา อายุ 52 ปี ทั้งหมดเป็นญาติผู้เสียชีวิต เดินทางไปที่มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ ศาลา 5 ซึ่งเป็นที่เก็บศพของ 3 แม่ลูกคือนางเย็นจิตร รัตนภา อายุ 52 ปี นายกฤตเมธ รัตนภา หรือน้องโก้ อายุ 16 ปี และด.ญ.บุณยานุช รัตนภา อายุ 14 ปี
โดยนายประกฤษณ์ เข้าไปเคาะโลงเป็นคนแรก บอกว่า พรุ่งนี้จะเดินทางไปสภ.เมืองชุมพร เพื่อพบคู่กรณีนัดไกล่เกลี่ยมาเพื่อบอกให้รับรู้ ขอผลการเจรจาไกล่เกลี่ยให้ลุล่วงราบรื่นด้วยดี จะได้รับมาพวกเรากลับเป็นกำลังใจให้พ่อด้วย พร้อมกับบอกกล่าวลูกเมีย “อย่าไปกวนพี่ๆกู้ภัย อยู่ที่นี่อย่างสงบไปก่อนนะ”
หลังจากนั้นนายสุวิทย์ ผู้เป็นลุง จุดธูปบอกกล่าว ลั่นพูดออกมาว่าอย่างไรก็ตามการเจรจาไกล่เกลี่ยให้คดีผ่านไปด้วยดี ลูกจะออกมาอาละวาท รบกวนก็ไม่เป็นไรทั้งเย็น โก้ มีน แต่ขอให้ไปฝั่งนู้น (คู่กรณี) ช่วยดลจิตดลใจให้เขายอมรับความผิด อยู่ที่นี่ขอให้มีความสุขแล้วเราจะกลับมารับไม่ต้องเป็นห่วงแม่(แม่สามีที่นอนติดเตียง)ไม่ต้องเป็นห่วงสามี พวกพี่ๆจะช่วยกันดูแล” ตามด้วยนางยุพาและนางนันทพรจุดธูปไหว้บอกกล่าวตามลำดับ
ต่อมานายประกฤษณ์ และนายสุวิทย์ ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าว โดยนายประกฤษณ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดสร้างความระทึกนั้นหลังเดินทางมาจุดธูปบอกสรุปแม่ลูกก็เชื่อฟังดี กู้ภัยไม่เจออีกเลยสงบเงียบดี สำหรับพรุ่งนี้จะมาการเจรจาตนไม่มีความมั่นใจ เพราะดูจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้สัมผัสฝ่ายคู่กรณี เห็นว่าเขาไม่มีความจริงใจ คิดว่าไม่ให้ตามคำเสนอไป หรือเสนอมาให้น้อย ตามที่เรียกไป 25 ล้าน ลูกเมียไม่สามารถประเมินค่าได้ ถ้าให้มาตามที่ผมไม่พอใจผมไม่รับแน่นอน ความสงสารของผมน้อยลงเพราะการกระทำที่ผ่านมาไม่มีความจริงใจ แต่ถ้าเสนอจนพอใจผมเองก็อยากจะจบในส่วนนี้เพราะลูกเมียไม่อยู่อยู่ตรงนี้มีความกังวล อยู่บ้านก็ไม่สบายใจ
ด้านนายสุวิทย์ฯผู้เป็นลุง กล่าวเสริมว่า สิ่งที่กลัวที่สุดคือ อาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมส่วนเงินเยียวยาอาจจะยากและต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตามฝากผ่านนักข่าวเลยว่า เคสนี้ตัวอย่างของประเทศเพราะที่ผ่านมาจังหวัดชุมพรเรา ถ้ารถใหญ่ ปิ๊กอัพ หรือรถเก๋ง อะไรก็แล้วแต่ชนมอไซค์สุดท้ายมอไซค์จะไม่ได้รับการเยียวยา ที่พูดเพราะเคยมีประสบการณ์ญาติก็เคยเจอมา ใช้สำนวนเดียวกันสุดท้ายรถเบี่ยงเข้ามาคดีไปพลิกในชั้นศาลไม่เคยได้รับการเยียวยา
นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า ในกรณีเคสนี้เป็นตัวอย่างของประเทศถ้าเป็นมอไซค์ต่างๆซึ่งเป็นคนจน จะกลายเป็นว่าคนรวยจะรังแกคนจน ฝากถึงผู้มีอำนาจในเรื่องของข้อกฎหมายช่วยดูแลเป็นกรณีพิเศษสงสารผู้ที่ถูกกระทำ และไม่ได้รับความเป็นธรรม ตอนพูดกับผู้เสียหายดีหมดสำนวนต่างๆไปซ่อนอยู่ข้างใน เรื่องของเลี้ยวปาดหน้าบ้าง เบี่ยงเข้ามา แฉลบเข้ามาบ้างละสุดท้ายคดีมันพลิก มีอยู่เยอะเรื่องนี้มีความกังวลที่สุด อีกเรื่องเงินเยียวยากับเงินตามสิทธิ์ พ.ร.บ.มันคนละตัวบท จะมาพุดว่าขอรวบรวมเงิน พ.ร.บ.ก่อนแล้วค่อยเติมเต็มให้มันไม่เป็นธรรมกับผู้เสียหาย อยู่ดีๆคุณมาคร่าชีวิตลูกเมียเขาอย่างนี้เรียกไป 25 ล้านผมว่า 100 ล้านยังไม่ได้เลย ครอบครัวผู้เสียหายไม่ได้เดือดร้อนทางการเงินเขาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ พอเลี้ยงดูแลครอบครัวตัวเองได้ เรียกไปเพื่อเป็นบรรทัดฐานทางสังคม คุณต้องชดใช้เยียวยาใช้กฎหมายเข้ามาเพื่อพลิกคดีให้ได้จากดำเป็นขาว ผมว่าไม่ถูกต้อง พรุ่งนี้มีการนัดหมายกับคู่กรณีทางผู้เสียหายทราบว่ามีทีมทนายจากรายการโหนกระแสเดินทางเข้ามาดูแลให้แต่ขณะนี้ยังไม่เจอใครเลย เรื่องนี้ถ้าไม่สามารถเยียวยาได้ ขณะนี้มีแต่กระดาษยังไม่เห็นตัวเงินก็ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุดและต้องรับโทษสูงสุดว่ากันไปตามขบวนการข้อกฎหมายเพื่อสร้างบรรทัดฐาน