เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 67 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการ “เสียงจากใจไทยคู่ฟ้า” ว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้มีการสำรวจความคิดเห็นประชาชนกว่า 31,500 คนทั่วประเทศ ที่ได้รับเงิน 10,000 บาท เฟสแรก ถึงผลการดำเนินโครงการเงิน 10,000 บาท เฟสแรก ระหว่างวันที่ 4-22 พ.ย. ที่ผ่านมา พบว่า 87.7% พึงพอใจโครงการในภาพรวม พึงพอใจมาก 47.8% และมี 3.7% ระบุว่ามีความพึงพอใจน้อย ส่วนเรื่องการนำไปใช้จ่ายนั้น พบว่า 78% นำไปใช้จ่ายทั่วไป อีก 12.8% นำไปชำระหนี้สิน และ 11.4% เก็บออม เมื่อจำแนกเรื่องของการนำไปใช้จ่าย พบว่า 95.1 นำไปซื้ออาหารและเครื่องดื่ม เช่น ข้าวสาร หมูสด รองลงมาซื้อของใช้ในครัวเรือน อาทิ สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน คิดเป็น 89.1% ที่เหลือ 57.2% จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ  และอีก 26.7% นำไปจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิง แก๊สหุงต้ม

นายจิรายุ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะเดินหน้าโครงการ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เงินในโครงการนี้จะไปเข้ากระเป๋าเศรษฐี ร้านค้าใหญ่ๆ แต่ผลสำรวจพบว่า 96.3% ประชาชนนำเงินไปใช้จ่ายที่ร้านค้าในชุมชน และร้านขายของชำ รองลงมาคือ ไปใช้จ่ายกับร้านหาบเร่ แผงลอยในตลาด คิดเป็น 70.9% ที่เหลือประมาณ 18.4% นำไปใช้ในร้านสะดวกซื้อ ดังนั้นโดยสรุป ประชาชนมีความมั่นอกมั่นใจ ว่าโครงการนี้จะดีขึ้น

นายจิรายุ กล่าวว่า สำหรับคำถามที่ว่า โครงการเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี จะได้เมื่อไหร่นั้น จริงๆ แล้ว สัปดาห์ที่แล้ว มีเรื่องเข้ามาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็มีข้อสังเกตบางอย่างช้าไปสัปดาห์หนึ่ง แต่ชัวร์ แต่คาดว่าไม่น่าจะเกินไปกว่าเดือน ก.พ. 2568 ดังนั้นฝากบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าเฟส 2 มาแน่ แต่ขอปรับอะไรอีกนิดๆ หน่อยๆ เพื่อที่จะได้นำพาและแจกให้กับประชาชนคุณพ่อคุณแม่ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ยังไงก็ชัดเจน ส่วนโครงการเงินหมื่นเฟส 3 ยังต้องรอติดตามต่อไป แต่ไม่ต้องกังวล เพราะเฟส 1 มีแล้ว เฟส 2 มีแล้ว แล้วเฟส 3 จะไม่มีได้อย่างไร